ลุ้นขึ้นแรง! ธนาคารกลางสหรัฐอาจขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 1% มากสุดในรอบ 40 ปี

บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ตลาดทุนโลกกำลังด้อยค่าภาวะเงินเฟ้อในความเป็นจริง และประเมินขนาดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่ไม่สะท้อนความเป็นจริงในการแก้ปัญญาเงินเฟ้อ เนื่องจากแนวโน้มภาวะเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง โนมูระ จึงประเมินว่า การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดที่จะมีขึ้นในวันที่ 20-21 กันยายนนี้ จะปรับขึ้นสูงถึง 1.00% นอกจากนี้ ยังปรับมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นที่เหลืออีก 2 รอบการประชุมในเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม ว่าจะปรับสูงถึง 0.75% ทั้ง 2 ครั้งติดต่อกัน

บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ กลายเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกและแห่งเดียวในขณะนี้ ที่มีมุมมองว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 1.00% หากเป็นความจริง จะกลายเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นที่แรงที่สุดในรอบกว่า 42 ปี หรือนับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 เป็นต้นมา

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ เปิดเผยต่อไปว่า เส้นทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดในลักษณะเชิงรุกอย่างรุนแรงจะเป็นที่ต้องการมากในการต่อสู้กับวิกฤตเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจากนี้ไปจะเป็นแรงส่งจากภาวะตลาดการจ้างงานในสหรัฐอเมริกาที่เติบโตมากเกินไป ภาวะการเพิ่มขึ้นขึ้นอัตราค่าจ้างที่ไม่ยั่งยื่น และภาวะการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ยังคงมีสูงต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ปัจจุบันดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดอยู่ที่ระหว่าง 2.25%-2.50% จากเดิมที่เคยอยู่ใกล้เคียง 0% ต่ำเป็นประวัติการณ์เมื่อช่วงก่อนถึงเดือนมีนาคมปีนี้ โนมูระ คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.25%-3.50% ในการประชุมวันที่ 20-21 กันยายนนี้ สำหรับในปี 2566 โนมูระ คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะขึ้นไปถึงระดับ 4.75%