สถาบันคุ้มครองเงินฝากชี้ครึ่งปีหลังคนจะถอนเงินกันมากขึ้น จากผลกระทบการตกงาน

855
0
Share:

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบ 8.5-9% ใกล้เคียงกับการประมาณการณ์ของกระทรวงการคลัง เนื่องจากยังคงมีปัจจัยลบหลายด้าน ทั้งตัวเลขนักท่องเที่ยวและการส่งออกที่ยังติดลบ รวมถึงการหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ยังไม่มีความแน่นอน
.
แม้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว แต่หวังว่าการติดลบดังกล่าวจะลดลง เนื่องจากการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่รวมกับมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ทั้งโครงการคนละครึ่ง และการเปิดรับนักท่องเที่ยว
.
ทำให้คาดว่าเงินฝากช่วงโควิด-19 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา มียอดเงินฝากเพิ่มสูงขึ้นถึง 6% ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 มียอดเงินฝากเพิ่มขึ้น 8%
.
แต่คาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาส 3 และ 4 การขยายตัวของยอดเงินฝากจะลดลง เนื่องจากสถานการณ์โควิดเข้ามา อาจจะทำให้ช่วงครึ่งปีหลังมีประชาชนได้รับผลกระทบและตกงานมากขึ้น จึงทำให้มีการถอนเงินฝากออกมาใช้จ่าย และคาดว่าจะส่งผลให้ยอดการฝากเงินทั้งปี ขยายตัว เฉลี่ย 4-6% จากปีก่อนที่มียอดเงินฝากประมาณ 14 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตในระดับเดียวกันของปีที่ผ่านมา
.
ทั้งนี้แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่สถานการณ์ของธนาคารพาณิชย์ยังคงมีความแข็งแกร่ง เห็นได้จากเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารพาณิชย์ในเดือนมิ.ย. เฉลี่ยอยู่ที่ 19.2% สูงกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนด ที่ระดับ 8.5%

แม้ว่ากำไรของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2 ของปีนี้ จะเหลือเพียง 30,000 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่อยู่ระดับ 60,000 ล้านบาท หรือลดลง 49% แต่โดยรวมยังถือว่าไม่มีปัญหา หากเทียบตั้งแต่ปี 2540 ถึงปัจจุบัน สถาบันการเงินมีการปรับตัว และมีการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
.
ขณะที่กองทุนคุ้มครองเงินฝาก ของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ยังมีเพียงพอเช่นกัน หากเกิดปัญหาธนาคารพาณิชย์ล้ม และถูกปิดกิจการ โดยมีเงินในกองทุนอยู่ที่ 129,969ล้านบาท ดังนั้น ประชาชนจึงไม่ต้องเป็นห่วงหากเกิดความไม่แน่นอนของสถาบันการเงิน