“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”สั่งอุ้มหุ้นกู้เอกชน ที่ได้จัดอันดับเครดิตน่าลงทุน

622
0
Share:

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังประชุมมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวงการคลังว่า พ.ร.ก.ให้กู้เงินฉุกเฉิน 1 ล้านล้านบาท // พ.ร.ก.ซอฟท์โลน ธนาคารแห่งประเทศไทย 5 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก.รักษาเสถียรภาพการเงิน 4 แสนล้านบาท ทั้งหมดผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แสดงให้เห็นว่าการเยียวยาเริ่มแล้ว แต่ต้องมั่นใจว่าเงินเยียวยาไปสู่ประชาชนตรงเป้าหมาย
.
นอกจากนี้ ยังเหลือในส่วนของประกันสังคมที่ยังร้องเรียนอยู่ได้มอบปลัดกระทรวงการคลังประสานกองทุนประกันสังคม อาจมีบางส่วนยังไม่ครบก็สั่งให้ติดตามและประสานให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างครบถ้วน
.
นอกจากนี้ได้ฝากที่ประชุมให้ไปพิจารณารายละเอียด พ.ร.ก.ซอฟท์โลน 5 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ 4 แสนล้านบาท เพื่อเข้าซื้อหุ้นกู้เอกชนที่ได้จัดอันดับเครดิตน่าลงทุน ซึ่งภาวะเช่นนี้ ทำให้ผู้ประกอบการเข้าไม่ถึงเงินกู้ซอฟท์โลน เพราะว่าการปล่อยสินเชื่อต้องทำผ่านธนาคาร ทำให้มีผู้ประกอบการติดเงื่อนไขเข้าไม่ถึงมีแน่นอน
.
ขณะที่ พ.ร.ก.รักษาเสถียรภาพ ที่ให้อำนาจธปท.ตั้งกองทุนไปซื้อหุ้นกู้ 4 แสนล้านบาท ต้องมีจุดประสงค์ไม่ให้ช่วยเฉพาะธุรกิจที่น่าลงทุน หรือ Investment Grade หรือ เครดิตน่าลงทุน เท่านั้น แต่ต้องการช่วยธุรกิจที่มีศักยภาพ แต่มีปัญหาต้องรักษาเอาไว้ จึงฝากกระทรวงการคลัง ธปท. สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หากลไกเข้ามาดูแลส่วนนี้
.
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นชอบกรอบมาตรการที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้จัดตั้งกองทุนช่วยคนตัวเล็ก ซึ่งยังขาดกลไก ดังนั้นการบริหารจัดการโดยไม่ผ่านระบบธนาคารต้องคิดออกมาให้เร็ว เพราะลำดับถัดไปกลุ่มนี้จะเดือดร้อน มีปัญหา ดังนั้นตรงนี้ต้องออกมาให้เร็ว เพื่อช่วยให้อยู่รอดได้
.
พร้อมได้หารือกับ ก.ล.ต. จัดตั้งกองทุนที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือบริษัทที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากโควิด แต่ยังไม่ได้มาตรการช่วยเหลือ โดยมีแนวคิดต้องมีคนมาลงขันในกองเหล่านี้ เพื่อมาลงทุนในบริษัทที่ต้องการช่วยเหลือ ซึ่ง ก.ล.ต.ได้ขอมาตรการทางภาษีที่จูงใจให้สามารถระดมทุนก้อนนี้ ซึ่งรัฐบาลาพยายามปิดช่องโหว่ในส่วนที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ ทั้งบุคคลธรรมดา ภาคธุรกิจ ขนาดเล็ก กลาง ทั้งหมด