สั่งเร่งสร้างบุคลากรรองรับอีอีซี

693
0
Share:

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานประชุมหารือ เรื่อง การพัฒนากำลังคนตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ ว่า เรื่องบุคลากรเป็นสิ่งสำคัญ ขณะนี้กำลังสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ ให้มีผู้ประกอบการรายใหม่ สตาร์ทอัพ และสร้างนวัตกรรม สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ แต่กำลังคนยังไม่เพียงพอ หากไม่แก้ไขปัญหาเหล่านี้ ก็อย่าหวังว่าไทยจะสามารถสร้างจีดีพีได้สูงอีกต่อไป
.
ประเทศไทยตั้งเป้าจะเป็นไทยแลนด์ 4.0 จึงต้องมีอีอีซีรองรับ โชคดีมากที่อีอีซีเกิดมาถูกที่ถูกจังหวะ ขณะที่ต่างชาติให้ความสำคัญในการเข้ามาลงทุนในไทย แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่คือ คน ไม่ใช่แค่มหาวิทยาลัยผลิตอย่างเดียว แต่มหาวิทยาลัยต้องร่วมมือกับเอกชนที่สนใจ ผลิตบุคลากรขึ้นมาเอง ทำให้ต่อไปการผลิตจะมีทั้งผลิตโดยมหาวิทยาลัย เอกชน หรือไทยร่วมกับต่างประเทศ ทั้ง Degree และ Non Degree หรืออะไรที่คิดว่ามีประโยชน์ สอนเสร็จ เข้าทำงานได้เลย เราต้องเร่งจำนวนภายใน 3-4 ปี จะมาผลิตปีละไม่กี่พันคนไม่เพียงพอ ในขณะที่คู่แข่งเราผลิตเป็นหมื่น
.
แต่ไม่ใช่ว่าสาขาดั้งเดิมเราไม่เอา แต่ดูที่สัดส่วน บางส่วนต้องการ Non Degree ทำอย่างไรให้คนสามารถใช้แพลตฟอร์ม ดิจิทัลได้ ไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ใช่กำลังหรือด้อยพัฒนา ดังนั้นต้องยืนอยู่บนขาของเอง ถ้าสินค้าเราดียังไงเขาก็ซื้อ ประเทศมีตั้งกี่ร้อยประเทศ ต้องมองหาประเทศใหม่ๆ และรักษาความสัมพันธ์กับคู่ค้าเก่าๆ ไทยต้องพัฒนาตัวเองเพื่อความอยู่รอด
.
ดังนั้น การร่วมมือระหว่างรัฐ มหาวิทยาลัย และเอกชน สำคัญมาก ทำแค่ราชการไม่ได้ วันนี้เอกชนต้องเข้าไปมีส่วนร่วม กลุ่มมหาวิทยาลัยหลักซึ่งมีบุคลากรและเครื่องมือครบ มีความพร้อมในเรื่องของ Non Degree ต้องเป็นกลุ่มที่เพิ่มในเรื่องนี้เข้าไปเพื่อตอบโจทย์กำลังคน
.
ขณะที่กลุ่มพระจอม ต้องประสานงานกับราชมงคล ดึงกันขึ้นมาให้แข็งแรง เป็นพี่จูงน้องขึ้นมา เพราะราชมงคลมีหลากหลาย แต่มาตรฐานไม่ตรงกัน ต้องพาเขาขึ้นมาและจะดีขึ้น
.
ส่วนกลุ่มราชภัฎ เรียกว่าพลิกตัวได้เร็ว ตอนนี้เดินตามแนวทางพัฒนาท้องถิ่น และตอบโจทย์ S Curve แต่ไม่ใช่มีแค่นั้น เกษตรสำคัญที่สุด ดังนั้นต้องไปทำให้เกิดเกษตรสมัยใหม่ ท่องเที่ยวก็สำคัญ แต่ต้องไม่ใช่หลักสูตรที่เป็นอยู่อย่างปัจจุบัน ต้องรู้จักการแนะนำท้องถิ่นว่าหมู่บ้านคุณเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ พัฒนาสอนชาวบ้าน ทำเมืองให้น่าเที่ยวเหมือนประเทศญี่ปุ่น
.
หากทั้งสามกลุ่มช่วยกัน จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแรงมาก บุคลากรจะมีรายได้ ไม่ได้ต้องการระบบบริษัทอย่างเดียว แต่เราต้องการวิจัย นวัตกรรมด้วย สิ่งสำคัญที่สุด คือ เรื่องของความสามารถทางการแข่งขัน จะควบคู่ไปกับการลดความเหลื่อมล้ำ