“หมอมนูญ” ชี้ล็อกดาวน์รอบนี้สกัดโควิดไม่มาก แต่มีผลเสียกระทบเศรษฐกิจแน่นอน

520
0
Share:

วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” ถึงกรณีการล็อกดาวน์ครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว กับครั้งนี้มีความเหมือนและความแตกต่างกันอย่างไร โดยระบุว่า การระบาดรอบแรกเกิดจากซุปเปอร์สเปรดเดอร์แพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิมให้กับคนที่มารวมกลุ่มกันในสถานที่แออัด อากาศถ่ายเทไม่ดี เช่น สนามมวย บ่อนการพนัน ช่วงนั้นมีคนติดเชื้อหลักร้อยคนต่อวันเท่านั้น หลังจากที่มีการล็อกดาวน์ห้ามคนรวมกลุ่มกัน หยุดการเดินทาง สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้สำเร็จ แต่ต้องแลกกับความเสียหายทางเศรษฐกิจ (Trade-off) การล็อกดาวน์ทั้งประเทศครั้งแรกในปี 2563 นาน 3 เดือนทำให้เศรษฐกิจเสียหายเดือนละ 2-3 แสนล้านบาท รวม 3 เดือน 9 แสนล้านบาท

.

การระบาดรอบนี้แตกต่างจากรอบแรก ครั้งนี้คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเองไปติดเชื้อจากใคร และเมื่อนำเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าบ้าน เนื่องจากคนไทยอยู่กันในลักษณะเป็นครอบครัวขยาย ที่มีพ่อ แม่ ลูก ปู่ ย่า ตา ยาย และญาติอยู่ร่วมกัน (Extended family) จึงติดคนในบ้านหลายคนพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสูงอายุ เมื่อติดเชื้อจะมีโอกาสป่วยและเสียชีวิตสูง ในช่วงเวลา 3 เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 3 แสนคน แต่ถ้าตรวจมากกว่านี้เชื่อว่าคงมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แสดงให้เห็นว่าเชื้อกลายพันธุ์ “สายพันธุ์อัลฟา” และต่อมา “สายพันธุ์เดลตา” ติดต่อกันง่ายมาก สามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วมากๆ แตกต่างจากสายพันธุ์ดั้งเดิม

.

การล็อกดาวน์โดยขอให้เวิร์กฟอร์มโฮม งดการเดินทางโดยไม่จำเป็นยกเว้นซื้ออาหาร ไปโรงพยาบาลและฉีดวัคซีน ห้ามคนรวมกลุ่มกัน ก็ไม่แน่ใจว่าจะประสบผลสำเร็จเหมือนการล็อกดาวน์ครั้งแรก เพราะคนยังนำเชื้อไวรัสเข้าบ้านโดยไม่รู้ตัว และแพร่ต่อให้คนในบ้านซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับวัคซีน

ปัจจุบันคนไทยได้รับวัคซีนเข็มแรก 9 ล้านกว่าคนเท่านั้น ถ้ารวมกับคนที่ติดเชื้อและมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติหลังจากติดเชื้ออีก 5-6 แสนคน ก็ยังห่างไกลจากตัวเลขอย่างน้อย 50 ล้านคน ถึงจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ หยุดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้

.

วัคซีนเป็นทางออกเดียวที่จะหยุดการแพร่ระบาดในประเทศไทย รัฐต้องเร่งจัดหาวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด รีบฉีดให้กับคนสูงอายุและกลุ่มเสี่ยง 7 โรคให้มากที่สุด คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดไม่นำเชื้อไวรัสเข้าบ้าน ใส่หน้ากากอนามัยทุกคนเวลาออกนอกบ้าน เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ละเว้นการรับประทานอาหารกับผู้อื่น หมั่นล้างมือ รีบจองคิว เข้ารับการฉีดวัคซีนโดยด่วน

การล็อกดาวน์ครั้งนี้เชื่อว่าคงช่วยได้ไม่มากเหมือนครั้งที่แล้ว แต่การล็อกดาวน์มีผลเสียต่อเศรษฐกิจมากมายเหมือนการล็อกดาวน์ครั้งแรกอย่างแน่นอน