หมออุดมเตือนทุกฝ่ายในไทยระวัง หวั่นไม่ได้ฉลองปีใหม่ห่วงโควิดกลับมาระบาดอีกรอบ

427
0
Share:

วันนี้ 26 พฤศจิกายน 2564 นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวก่อนเข้าประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ถึงความเป็นห่วงกรณีที่มีหลายเทศกาลในเดือนธ.ค.ว่า เป็นห่วงแน่นอน ถ้าดูสถานการณ์ทั้งโลกจะเห็นว่าตัวเลขกำลังเพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะในยุโรป ที่ผ่านมาสถานการณ์ของไทยจะตามยุโรป 2-3 เดือน จึงคิดว่าการผ่อนปรนต้องทำแน่นอน เพียงแต่ต้องเคร่งครัดเรื่องมาตรการ ทั้งการใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง ไม่เช่นนั้นตัวเลขขึ้นแน่นอน เพราะขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศเย็นไวรัสจะเติบโตได้ดี

ที่ปรึกษา ศบค. กล่าวต่อไปว่า เรื่องวัคซีนเริ่มเห็นได้ชัด ที่ยุโรปใช้วัคซีนที่ดี ครอบคลุม 70-80% ก็กลับมาระบาดใหม่ สิ่งที่อยากจะเตือนคือพอเราได้ฉีดวัคซีนแล้วเริ่มจะสบายใจ ลั้นลากัน  ซึ่งในยุโรปภาพตรงนี้ชัดมาก พอฉีดวัคซีนแล้วไม่ใส่หน้ากากอนามัย ไม่เว้นระยะห่าง ทัศนคติตรงนี้ต้องช่วยกันปรับ อย่างเมื่อเช้าวันเดียวกัน ดูตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ของไทยเริ่มกระดกขึ้นมาแล้ว และหลังจากเราเปิดอะไรสักอย่าง 2-4 สัปดาห์ ผมเชื่อว่าตัวเลขมันต้องขึ้นแน่นอน เพียงแต่อาจจะไม่เยอะ แต่จะทำให้เป็นปัญหาเกี่ยวกับการเปิดประเทศ อยากย้ำว่าวัคซีนสำคัญสุด ต้องช่วยกันฉีด เป้าหมายฉีดเข็มแรก 50 ล้านคน ขณะนี้ฉีดไป 47 ล้านคนแล้ว เหลืออีก 3 ล้านคน และเดือนธ.ค.จะครบเข็ม 2 เพราะวัคซีนเพียงพอแน่นอน อยากให้ช่วยกระตุ้นประชาชนอย่างน้อยไม่เจ็บป่วยรุนแรง

นพ.อุดม กล่าวต่อไปว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่าจะมีระบาดใหญ่ อีกทั้งให้ข้อมูลด้วยว่า ประเทศที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า คนเจ็บป่วยรุนแรงน้อยกว่าประเทศที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เป็นตัวหลัก จึงอยากบอกว่าฉีดอะไรก็ได้ฉีดไปก่อน เราโชคดีที่มีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นตัวหลัก หรือแม้แต่การที่เราฉีดวัคซีนซิโนแวคสามารถป้องกันเจ็บป่วยรุนแรงได้แน่นอน ตรงนี้ถือเป็นการช่วยประเทศ ช่วยให้ระบบสาธารณสุขไม่มีภาระมากเกิน ไม่เช่นนั้นเราจะมีปัญหาเรื่องเตียง

นพ.อุดม คชินทร เปิดเผยต่อไปว่า ผมกังวลนะ เดี๋ยวจะพูดในที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ เนื่องจากเราจะผ่อนคลายอะไรอีกหลายอย่าง กลัวจะไม่ได้ฉลองปีใหม่ อันนี้พูดตรง ๆ ปีใหม่จะไม่ได้ฉลอง ถ้ามันขึ้นมาวูบ ๆ ตอนนี้ในยุโรป 40,000 กว่าทุกวัน เยอรมนีก็ขึ้นมาเยอะ เราเดินตามหลังเขามา 2-3 เดือน ดังนั้น เราไม่อยากให้เกิด อุตส่าห์ทำดีแล้ว อย่างน้อยเราเคร่งครัดมาตรการมากกว่าเขา คงขึ้นบ้าง แต่อย่าให้ขึ้นมาก และคงทำให้เศรษฐกิจมันเดินได้ เรื่องผ่อน นายกฯ ก็ยอมผ่อน ผมก็พยายามดึง ๆ ไว้บ้างว่ามันต้องพอเหมาะพอสม ไม่อย่างนั้นมันกลับมาใหม่ แล้วต้องล็อคดาวน์ใหม่ มันเรื่องใหญ่มาก

นพ.อุดม กล่าวต่อว่า ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ของไทยวันนี้ไม่ได้ถือว่าลง อย่างนี้ถือว่าไม่ดี เพราะตัวเลขมันทรงตัวอยู่ที่ 5-7 พันรายมา 2-3 สัปดาห์แล้ว แสดงว่ามันไม่ดี ถ้าดีทำไมไม่ลงไปเรื่อย ๆ ยิ่งไปดูต่างประเทศที่ตอนนี้เขาขึ้นมาก  ซึ่งไม่มีทางที่เขาขึ้นแล้วเราจะไม่ขึ้น อย่างที่แอฟริกาที่มีเชื้อกลายพันธุ์ ไม่นายก็มาฮ่องกงแล้ว เชื้อมันไปเร็ว สิ่งที่ตนพูดคือการเตือน แต่ขออย่ากังวล

เมื่อถามว่าจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ การผ่อนคลายให้เปิดผับ บาร์ เร็วขึ้นจะเป็นไปได้หรือไม่ นพ.อุดม กล่าวว่า ครั้งที่แล้วเราก็ลงมติไปแล้ว ว่าให้เปิดวันที่ 16 ม.ค.65 ไม่ใช่ไม่ให้เปิด ขณะนี้ผู้ประกอบการต้องไปเตรียมการให้พร้อม สิ่งที่เรากังวลคือเรื่องถ่ายเทอากาศ เพราะถึงอย่างไรเรารู้ว่าจำกัดคนไม่ได้ เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ก็พูดคุยเสียงดัง มีน้ำลายและละอองต่าง ๆ เอาเชื้อออกมา
“ที่สำคัญนั่งกันนาน ปัจจัยนี้คือปัจจัยเสี่ยง เรามีตัวอย่างคลัสเตอร์ใหญ่ ๆ ในสถานบันเทิงมาแล้ว ดังนั้น อย่าให้เกิดขึ่นอีก จึงขอให้เตรียมตัวให้ดี คุณต้องช่วยประเทศด้วย เพราะหากระบาดใหม่จากตรงนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ เราก็เข้าใจเขามีความเดือดร้อน รัฐบาลคงต้องเข้าไปเยียวยา แต่หากมาเปิดก่อนกลัวว่าปีใหม่จะไม่ได้ฉลอง” นพ.อุดม กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า สรรพกำลังของสาธารณสุขเพียงพอหรือไม่ หากพบการระบาดใหม่ นพ.อุดม กล่าวว่า เรามีบทเรียน คิดว่ารองรับได้แน่นอน แต่ทำไมต้องไปเหนื่อยอีก หากตัวเลขไม่เกิน 5 พันราย แม้ถือว่าเยอะ แต่มันไม่เหนื่อยมาก แต่หากไปถึง 7 พันราย ถึง 1 หมื่นราย เราเหนื่อยมาก ถ้าไปถึง 2 หมื่นรายเตียงไม่พอแน่นอน ภาพการเข้าถึงเตียงยาก เสียชีวิตที่บ้าน เราไม่อยากให้เกิดภาพเช่นนั้น จึงอยากให้ประชาชนดูแลตัวเอง เพราะการดูแลตัวเองเหมือนการดูแลสังคมและประเทศ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ต่อไปจนถึงกลางปีหน้า เราต้องอยู่กับโควิค-19 แต่อยากให้ได้วันละ 1-2 พันราย เสียชีวิตไม่เกิน 20 ราย แบบนี้ไม่เหนื่อย แต่รับได้