หุ้นดาวโจนส์ร่วงกว่า 170 จุด น้ำมันดิบปิดพุ่งเฉียด 82 ดอลลาร์

273
0
Share:
หุ้น

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 36,236 จุด -170 จุด หรือ -0.47% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,699 จุด -4 จุด หรือ -0.10% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 15,080 จุด -19 จุด หรือ -0.13%

สาเหตุจากการเปิดเผยบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนธันวาคม 2564 พบว่าคณะกรรมการเห็นตรงกันที่จะลดปริมาณงบดุลบัญชี หรือ Balance Sheet ของเฟดหลังจากการเร่งลดมาตรการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลในระบบการเงินสหรัฐที่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว นักลงทุนไม่ได้คาดหวังที่จะเห็นการเร่งลดปริมาณงบดุลบัญชีของเฟดมาก่อน ทำให้เกิดความกังวลอย่างมาก โดยทำการเทขายหุ้นทุกกลุ่มโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เทขายหนักมากที่สุด

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 79.46 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.61 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.07% ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 81.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.19 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.5%

สาเหตุจากความตึงเครียดในสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศคาซัคสถาน หลังจากรัสเซียตัดสินใจส่งทหารเข้าไปรักษาความสงบในประเทศดังกล่าว ซึ่งเกิดการประท้วงอย่างรุนแรงเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่มีราคาแพงในประเทศคาซัคสถาน ประเทศคาซัคสถานมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลิเบียกำลังซ่อมแซมท่อส่งน้ำมันดิบตามกำหนดการ ทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลดลงวันละ 500,000 บาร์เรล

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,789.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -29.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2% สาเหตุจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี พุ่งสูงสุดในรอบ 10 เดือน หรือนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2564 ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าสูงขึ้น เป็นผลจากบันทึกการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยว่า เฟดต้องการลดงบดุลบัญชีของธนาคารกลาง พร้อมทั้งจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นเร็วกว่าเดิม