ห้ามนั่งกินในร้าน ฉุดเจ้าของร้านอาหารปิดกิจการ 20,000 เจ้า เสียหายเดือนละ 5,000 ล้านบาท

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า ได้พบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เพื่อหารือการฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกอบการในถนนข้าวสารและใกล้เคียงประมาณ 1,500 ราย และแนวทางนำร่องย่านถนนข้าวสารเป็นถนนสีขาว ที่สามารถเปิดให้บริการบนมาตรการความปลอดเชื้อไวรัสโควิด

ผู้ประกอบการ มองว่าการเข้าถึงวัคซีนได้เร็วจะเป็นการป้องกันได้อีกทาง แม้จะเกิดการระบาดของโควิดรอบ 4 หรือไวรัสกลายพันธุ์ หากล่าช้าจะสร้างความเสียหายต่อผู้ประกอบการในกลุ่มร้านอาหารอย่างหนัก

ข้อมูลล่าสุด พบว่า มาตรการของรัฐบาลที่ไม่อนุญาตให้ประชาชนนั่งทานสนร้านอาหารผู้ประกอบการปิดกิจการเพิ่มเติมมากขึ้นจากเดิมที่ร้านอาหารในระบบปิดตัวแล้วกว่า 20,000 ราย จากตัวเลขทั้งหมดในระบบ 200,000 ราย หรือราว 10% นอกจากนี้ การประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นมีสูงถึงเดือนละ 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นอย่างนี้มาต่อเนื่องแล้ว 4 เดือน

ผู้ประกอบการกังวลมากต่อการระบาดโควิดระลอก 4 หากรัฐบาลยังไม่อาจควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ และควบคุมการแพร่ระบาดได้ล่าช้า จะทำให้ธุรกิจและระบบเศรษฐกิจภาคบริการพังหนักขึ้น

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวต่อไปว่า สิ่งสำคัญในเวลานี้ คือ มีความกังวลต่อท่าทีอารมณ์ขันเกินไปของนายกรัฐมนตรี ดูเหมือนนายกรัฐมนตรีไม่ซีเรียส ทำให้เกิดระแวงและวิพากษ์วิจารณ์ต่ออารมณ์ และวุฒิภาวะการเป็นนายกรัฐมมนตรี ซึ่งผู้นำควรมีท่าทีที่จริงจัง จะเป็นผลจิตวิทยาให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถดูแลได้จริงจัง และแท้จริง

นอกจากนี้ ควรมีแผนงานชัดเจนกว่านี้ นายกรัฐมนตรีควรให้ทุกหน่วยงานออกมาชี้แจงว่าภายใน 30 วันจะทำอะไรบ้าง ทั้งเรื่องสาธารณสุขดูแลป้องกันไวรัส ตั้งแต่จัดหาวัคซีน กระจายฉีดวัคซีน การจัดหาสถานที่และเตียงรับผู้ป่วย เป็นต้น และทำไปพร้อมกับการดูแลภาคเศรษฐกิจ ธุรกิจเราวิตกว่าหากเป็นอย่างนี้ ภายในปีนี้เชื่้อว่าการล็อกดาวน์อาจเป็นแบบปิดๆ เปิดๆ อีกหลายรอบ ความถดถอยของระบบเศรษฐกิจจะย่ำแย่กว่าปีก่อนได้