อดีตปลัดคลัง สมชัย ชี้รัฐบาลไม่เคยผิดวินัยการเงินการคลัง เพราะแก้กฎหมายขยายเพดานหนี้ฯ อยู่เรื่อยๆ

471
0
Share:
นายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความท้าทายระหว่างภาครัฐ กระทรวงการคลัง และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จะต้องมีความเข้าใจ และหาทางแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ ไม่ใช่การแก้ปัญหาเป็นเรื่องๆ หรือ แบบผักชีโรยหน้า อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ชี้ให้เห็น 5 แนวทางที่อยากเห็น ได้แก่
.
1.การแก้ปัญหาคนตกงานให้กลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อีกครั้งอย่างมั่นคง อดีตปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การแจกเงินไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่การจะยิงนก เมื่อกระสุนออกไป 1 นัดต้องได้นกกลับมา 2 ตัว ไม่ใช่ 1 ตัว พร้อมแนะให้มีการแบ่งโซนสีของความรุนแรงของปัญหา ให้โอกาสท้องถิ่นเป็นผู้ออกมาตรการ มีการเชื่อมโยงกับกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ควรฟื้นบทบาทของกองทุนหมู่บ้านให้มีส่วนร่วมในการเสนอโครงการและการปล่อยสินเชื่อ
.
2.การแก้ปัญหาให้ผู้ประกอบการธุรกิจ SME หรือคนตัวเล็กกลับมาค้าขายได้เหมือนเดิมแบบนิวนอมัล นายสมชัย มองว่านโยบายเสริมสภาพคล่องของกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ใช้ตาข่ายกรองรูใหญ่เกินไป ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กหลุด ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ บนเงื่อนไขที่ผ่อนปรนจริงหรือไม่ ขณะเดียวกันในช่วงวิกฤตที่เกิดขึ้นพบว่าแบงก์พาณิชย์มีกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งแบงก์พาณิชย์ควรเข้ามามีบทบาทช่วย แต่มีการอ้างกฎเกณฑ์ของแบงค์ชาติ จึงต้องย้อนไปดูที่แบงค์ชาติว่าการทำนโยบาย ทำบนเครื่องมือใหม่ๆ ได้หรือไม่ ปรับนโยบายได้หรือไม่
.
3.การแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนภาคประชาชนให้ลดลง เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อปัญหาเชิงโครงสร้าง ดังนั้น การออกมาตรการปรับโครงสร้างต้องมีมาตรการเสริมออกมาควบคู่ พร้อมแนะใช้ AO แก้ปัญหาความยากจนแบบรายคน ให้คำปรึกษาและติดตามผล ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนแบบได้ผล และต้องร่วมมือกับผู้นำท้องถิ่นและต้องใช้ทรัพยากรบุคคลทั้งหมดที่มีเข้าไปช่วยแก้ปัญหา
.
4.การแก้ปัญหาความยากจนซ้ำซาก ซึ่งวิกฤตโควิดนี้กระทบอย่างมากต่อกลุ่มคนจน พร้อมระบุ กระทรวงคลัง และ สศค. กำลังใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน ผิดวัตถุประสงค์ ไม่ใชการใส่เงินเข้าไปแล้วจบ ซึ่งปรัชญาหลักของบัตรฯนี้มีขึ้นเพื่อทำให้คนถือบัตรลดลง ช่วยเปลี่ยนจากคนจนเป็นคนชั้นกลาง
นายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเพิ่มจำนวนบัตรมากขึ้น ถือว่าผิดวัตถุประสงค์ หากในช่วง 3 ปีตั้งแต่มีบัตรเกิดขึ้นในปี 60 และคนจนยังไม่ลดลง ต้องกลับมาแก้ที่ สศค. ต้องปรับเพิ่มมาตรการหรือนโยบายในการเข้าไปช่วยเหลือให้คนถือบัตรฯ หลุดจากการเป็นคนจน ฝากสำนักงานเศรษฐกิจการคลังให้ปรับวิธีการ เพราะที่ทำตอนนี้ไม่ใช้วัตถุประสงค์ของบัตร
.
สุดท้าย 5.การสร้างความสมดุลของรายได้ประเทศ โดยยังคงพึ่งพารายได้จากต่างประเทศ แต่ต้องสร้างความสมดุลหรือความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจภายในประเทศด้วย