อย่ากู้เยอะ! มูดี้ส์ชี้กลุ่มประเทศเกิดใหม่กู้หนี้สูง ทำเศรษฐกิจฟื้นตัวช้าจากวิกฤตโควิด-19

487
0
Share:

นายสตีฟ โคเชรน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริษัท มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือในการลงทุนชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ปริมาณหนี้ของประเทศในกลุ่มเกิดใหม่ที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะภาวะหนึ้สาธารณะของรัฐบาลที่กู้ยืมเงินมาใช้เป็นมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 อาจทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มเกิดใหม่ล่าช้า และห่างจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว

.

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวต่อไปว่า ผลกระทบอย่างแท้จริง จะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจสุดขั้วระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ นอกจากนี้กลุ่มประเทศเกิดใหม่อาจจะมีความยากลำบากในการดูแลหนี้สาธารณะต่อไป

ตัวเลขหนี้ทั่วโลกซึ่งรวมทั้งหนี้สาธารณะของรัฐบาล หนี้ภาคเอกชน หนี้ครัวเรือน และหนี้ภาคสถาบันการเงิน ทั้งหมดพุ่งทะยานถึง 24 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 768 ล้านล้านบาทในปี 2563 ซึ่งทำสถิติหนี้ทั่วโลกมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ ยังส่งผลให้หนี้ทั่วโลกพุ่งสูงคิดเป็น 336% ของจีดีพีอีกด้วย

สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นกับภาวะหนี้ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ คือ อัตราหนี้สาธารณะพุ่งมากกว่า 2 เท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น หนี้ของประเทศกลุ่มเกิดใหม่คิดเป็น 1 ใน 3 หรือกว่า 33% ของหนี้ทั่วโลกคงค้างอีกด้วย

.

นายสตีฟ โคเชรน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริษัท มูดี้ส์ กล่าวต่อไปว่า กลุ่มประเทศเกิดใหม่โดยทั่วไปแล้วมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ที่ล่าช้ามากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ในขณะที่ ภาวะหนี้สาธารณะสะสมก่อนหน้าที่จะเกิดภาวะโรคระบาดโควิด-19 มีอยู่ในระดับสูง จากทั้ง 2 ปัจจัยนี้ ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจขยายตัวในกลุ่มประเทศเกิดใหม่จะล่าช้าเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วเมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวโดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนของโลกตะวันตกเป็นต้นไป