เข็ม 3 เหรอ! ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคระบาดสหรัฐยัน ไม่มีหลักฐานพอที่ต้องฉีดเข็มที่ 3 แต่อาจจำเป็นเฉพาะบางกลุ่มเสี่ยง

442
0
Share:

คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการปฏิบัติการฉีดวัคซีน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอที่จะสนับสนุนให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 เข็มที่เรียกว่าบูสเตอร์ หรือการฉีดเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนทั่วไปในปัจจุบัน แต่สำหรับประชาชนที่มีสุขภาพเปราะบาง เช่น กลุ่มคนสูงอายุ หรือผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ อาจจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3

.
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการปฏิบัติการฉีดวัคซีน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ประชาชนคนทั่วไปต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ถ้าหากภูมิคุ้มกันในร่างกายเกิดลดต่ำลง หรือเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์สามารถลดประสิทธิภาพของวัคซีนลงจากระดับมาตรฐานที่รับรองไว้

.
ดร.ซาราห์ โอลิเวอร์ หัวหน้าร่วมคณะทำงาน และนักระบาดวิทยา ศูนย์การสร้างภูมิคุ้มกัน และโรคระบาดระบบหายใจแห่งชาติ ศูนย์ CDC เปิดเผยว่า สิ่งที่ต้องติดตามความจำเป็นในการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 จะอยู่ในกลุ่มผู้พักอาศัยในศูนย์ดูแลผู้ป่วยสูงอายุ กลุ่มผู้สูงอายุ บุคลากรด้านสาธารณสุข และผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันเป็นผู้ป่วยที่จัดอยู่ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (Immunocompromised host) เช่น ผู้ป่วยโรคติดเชื้อเอชไอวี (Human immunodeficiency virus infection) ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ

.
ด้านดร.ชารอน เฟรย์ หนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการปฏิบัติการฉีดวัคซีน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา และผู้อำนวยการศูนย์การพัฒนาวัคซีนแห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า เห็นด้วยที่ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอที่จะสนับสนุนให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 เข็มที่เรียกว่าบูสเตอร์ หรือการฉีดเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนทั่วไป แต่อาจจะฉีดเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนที่มีสุขภาพเปราะบาง เช่น กลุ่มคนสูงอายุ หรือผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือภาวะการระบาดเกิดขึ้นในหมู่ประชาชนทั่วไป ซึ่งสะท้อนจากตัวเลขของผู้ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนสมบูรณ์แบบแต่ยังพบการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเรียกว่า กลุ่มติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนครบ หรือ Breakthrough Infection สำหรับในสหรัฐอเมริกานั้น มีจำนวนผู้ป่วยในกลุ่มดังกล่าวที่ 3,729 ราย ซึ่งต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือเสียชีวิต