เงินบิทคอยน์มีดำดิ่งอีก 70% ทรุดเหลือ 5,000 ดอลลาร์ แห่เข้าลงทุนทองคำแทน

311
0
Share:
เงิน บิทคอยน์ มีดำดิ่งอีก 70% ทรุดเหลือ 5,000 ดอลลาร์ แห่เข้าลงทุนทองคำแทน

นายอิริค โรเบิร์ตเซ็น หัวหน้าสายงานวิจัยโลก ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ เปิดเผยว่า ค่าเงินบิทคอยน์ในปี 2023 อาจมีราคาทรุดร่วงระนาวอีก 70% จากในปัจจุบัน มาเหลืออยู่เพียง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 175,000 บาท นอกจากนี้ ความต้องการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่างเงินคริปโทเคอร์เรนซีโดยเฉพาะสกุลเงินบิทคอยน์จะเปลี่ยนไปถือครองทองคำแทน ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ราคาทองคำตลาดโลกจะทะยานขึ้น 30%

สาเหตุที่ค่าเงินบิทคอยน์จะดำดิ่งลงมาเหลือเพียง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐในปีหน้า เนื่องจากโอกาสหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลให้เศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 ของโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย และธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางออกของเงินคริปโทเคอร์เรนซีเข้าสู่ภาวะล้มลายมากขึ้น และความมั่นใจของนักลงทุนในเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่ล่มสลายในไม่ช้านี้

นายอิริค โรเบิร์ตเซ็น หัวหน้าสายงานวิจัยโลก ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ในทางตรงกันข้ามระหว่างค่าเงินบิทคอยน์ที่จะดำดิ่งอย่างมากในปี 2023 จะทำให้นักลงทุนมีความต้องการลงทุนทองคำเพิ่มสูงมากขึ้น โดยเฉพาะราคาทองคำที่มีความเป็นไปไม่ได้จะขึ้นถึงระดับ 2,250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในขณะที่เมื่อวันศุกร์ผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ปิดเหนือระดับ 1,810 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายมาร์ก โมเบียส นักลงทุนชื่อดังระดับมืออาชีพชั้นลายครามในตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลก และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทโมเบียส แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ เปิดเผยว่าแนวโน้มค่าเงินบิทคอยน์จะตกต่ำจากในปัจจุบันลงอีก 40% มาเหลือเพียงแค่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 350,000 บาทต่อบิทคอยน์ภายในปี 2023

สาเหตุจากในทางเทคนิค พบว่าค่าเงินบิทคอยน์หลุดระดับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐมาเป็นเวลานานระยะหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ ในด้านเหตุผลและปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยทางเศรษฐกิจ จะพบว่า เงินบิทคอยน์ไม่สามารถหลุดพ้นภาวะหมี หรือ Bear Market ได้เลย จากแรงกดดันของการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา และมาตรการอื่นๆ ที่ทำให้เกิดภาวะตลาดการเงินตึงตัวต่อเนื่อง

ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทโมเบียส แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ เปิดเผยว่า ยิ่งดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดปรับขึ้นต่อเนื่องในตลอดปี 2023 ภาวะตึงตัวของตลาดเงินยังคงเกิดขึ้นทั่วโลกโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ความน่าสนใจในการลงทุนเงินคริปโทเคอร์เรนซีแทบไม่เหลืออะไร ส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากการถือลงทุนเงินบิทคอยน์ไม่ได้รับผลตอบแทนเชิงตั้งรับ ซึ่งหมายถึงรายได้ดอกเบี้ยแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ตลาดเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่พุ่งสูงอย่างคึกคักเมื่อ 1 ปีกว่าผ่านมา เป็นผลพวงและความเกี่ยวกับปริมาณเงินที่มีต้นทุนต่ำมากเป็นประวัติการณ์มีจำนวนมากมายจากการใช้มาตรการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในระบบการเงิน หรือมาตรการคิวอี ที่เรียกกันทั่วไปการพิมพ์เงินดอลลาร์เข้าระบบการเงิน ซึ่งในช่วงเวลาก่อนที่จะสิ้นสุดมาตรการดังกล่าว พบว่า ปริมาณเงินดอลลาร์ในระบบการเงินโลกเพิ่มขึ้นถึง 40% ในช่วง 2-3 ปีผ่านมา

ถึงแม้ว่า บรรดาแพลตฟอร์มซื้อจายเงินคริปโทเคอร์เรนซีต่างๆ จะเสนอให้ผลตอบแทนจากการฝากเงินคริปโทเคอร์เรนซีเฉลี่ยกว่า 5% ก็ตาม แต่แพลตฟอร์มจำนวนมากล้วนล้มละลายไปตามกันก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นเอฟทีเอ็กซ์ของมหาเศรษฐีหนุ่มวัย 30 ปีของนายแซม แบงค์แมน-ไฟรด์ ที่ล้มละลายเมื่อ 11 พฤศจิกายน เซลเซียสล้มละลายเมื่อกรกฎาคม บล็อคไฟประกาศล้มละลายเมื่อสัปดาห์ผ่านไป ที่สำคัญ แนวโน้มที่ล้มละลายยังจะเกิดขึ้นตามมาอีก

ทั้งนี้ ค่าเงินบิทคอยน์ในตลาดเอเชียเมื่อวานนี้ 5 ธันวาคม 2565 ปิดตลาดที่กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น อยู่ที่ระดับ 17,340 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 606,900 บาท อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบิทคอยน์ดำดิ่งเกือบ 60% นับตั้งแต่ต้นปีนี้