เฟคนิวส์ชัดๆ! คนสิงคโปร์อยากฉีดวัคซีนซิโนแวค มากกว่าไฟเซอร์และโมเดอน่า เป็นข่าวปลอม บิดเบือน ให้หยุดแชร์

509
0
Share:

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง คนสิงคโปร์อยากฉีดวัคซีนซิโนแวค มากกว่าไฟเซอร์และโมเดอน่า เนื่องจากไม่สามารถทนอาการแพ้ได้นั้น ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยกองประมวลและวิเคราะห์ข่าว กระทรวงการต่างประเทศ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน และไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

สืบเนื่องจากกรณีที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการเลือกฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของคนสิงคโปร์ที่เลือกฉีดวัคซีนซิโนแวค และปฏิเสธกาานับการวัคซีนไฟเซอร์ และโมเดอน่า เนื่องจากไม่สามารถทนอาการแพ้ได้นั้น

ทางกองประมวลและวิเคราะห์ข่าว กระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2564 กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ได้อนุญาตให้ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา อาหาร แมลง หรือสิ่งอื่น ๆ อย่างรุนแรง (anaphylaxis) สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีน Pfizer-BioNTech และ Moderna ได้ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของวัคซีน Pfizer-BioNTech และ Moderna ได้ฉีดวัคซีนดังกล่าว

นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรงภายใน 7 วัน หลังการฉีดวัคซีนประเภทสารพันธุกรรม (mRNA) โดสแรก จะให้งดเว้นการฉีดวัคซีนโดสที่สอง และแนะนำให้รอการอนุมัติใช้วัคซีนประเภทที่ไม่ใช่สารพันธุกรรม (non-mRNA) จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสิงคโปร์แทน เช่น วัคซีน Sinovac ซึ่งใช้เชื้อตาย ซึ่งประชาชนที่มีประวัติแพ้ยา อาหาร แมลง หรือสิ่งอื่น ๆ อย่างรุนแรง (anaphylaxis) ที่ประสงค์จะเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเร็ว แต่ไม่ประสงค์จะรอการอนุมัติวัคซีน non-mRNA สามารถขอรับวัคซีน non-mRNA ภายใต้โครงการช่องทางพิเศษ (Special Access Route – SAR) ซึ่งสิงคโปร์มีวัคซีน Sinovac สำรองอยู่ โดยกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์เปิดให้โรงพยาบาลเอกชน และสถานพยาบาลภายใต้พ.ร.บ. กำกับดูแลโรงพยาบาลเอกชนและคลินิกทางการแพทย์ (Private Hospitals and Medical Clinics Act – PHMCA) เข้าร่วมโครงการ SAR โดยกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์จะคัดเลือกโรงพยาบาลเอกชน และสถานพยาบาล PHMCA รวม 20 แห่ง ให้เป็นสถานที่ให้บริการวัคซีน Sinovac เป็นวัคซีนทางเลือกภายใต้ SAR

ดังนั้น ข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกระทรวงการต่างประเทศ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.mfa.go.th หรือโทร 02 2035000