เมกาติดกว่าแสน! สหรัฐเฉลี่ยติดรายวันใน 7 วันพุ่งเฉียด 73,000 คน มากสุดเป็นประวัติการณ์

305
0
Share:

ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า อัตราการติดเชื้อเฉลี่ยรายวันในรอบ 7 วันเมื่อถึงวันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พุ่งกระฉูดถึง 72,790 ราย ที่สำคัญทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในฤดูร้อนเมื่อปีที่แล้วที่เฉลี่ย 68,700 รายต่อวัน ซึ่งเป็นปีที่เกิดการระบาดครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ในช่วงนั่นยังไม่มีการอนุมัติและรับรองการใช้วัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 เพื่อการฉุกเฉินด้วย

แนวโน้มการติดเชื้อเฉลี่ยรายวันในแต่ละสัปดาห์เมื่อมองจาก 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง เริ่มจากเมื่อ 4 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ มีจำนวนเฉลี่ยวันละ 12,271 ราย ถัดมา 3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้เฉลี่ยเพิ่มเป็น 23,477 ราย ต่อมาอีก 2 สัปดาห์ก่อนนี้มีจำนวน 35,402 ราย และสัปดาห์ก่อนหน้านี้เพิ่มสูงเป็น 56,008 ราย ขณะนี้ในวันนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 86,727 ราย

ด้านอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเฉลี่ยรายวันในรอบ 7 วัน พบว่าเพิ่มขึ้นเป็น 6,200 รายต่อวัน ซึ่งพุ่งขึ้น 41% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น สอดรับกับอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยรายวันในรอบ 7 วัน พบว่าเพิ่มขึ้นเป็น 300 รายต่อวัน ซึ่งพุ่งขึ้น 25% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม อัตราเฉลี่ยเสียชีวิตรายวันในขณะนี้ยังต่ำกว่าสถิติเดิมที่วันละมากกว่า 1,100 รายเมื่อเดือนสิงหาคม 2563

นักระบาดวิทยา และผู้อำนวยการศูนย์นโยบายและวิจัยโรคระบาดแห่งมหาวิทยาลัยมินเนโซตา สหรัฐอเมริกา นายไมเคิล ออสเตอร์โฮล์ม เปิดเผยว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงวันที่ 2 สิงหาคม(ตามเวลาสหรัฐ) พบว่ารัฐหลุยส์เซียน่ามีอัตราการติดเชื้อสูงถึงวันละ 89 ราย ต่อประชากรจำนวน 100,000 รายต่อวัน ส่งผลกลายเป็นรัฐที่มีอัตราการติดเชื้อสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา ขณะที่รัฐฟลอริดามาเป็นอันดับที่ 4 ของโลกด้วยอัตราการติดเชื้อสูงถึงวันละ 74 ราย ต่อประชากรจำนวน 100,000 รายต่อวัน และรัฐอาแคนซอมาเป็นอันดับที่ 5 ของโลกด้วยอัตราการติดเชื้อสูงถึงวันละ 62 ราย ต่อประชากรจำนวน 100,000 รายต่อวัน

ถ้าหากรัฐหลุยส์เซียน่าเป็นประเทศ จะทำสถิติมีอัตราติดเชื้อมากที่สุดในโลกด้วย ในขณะที่ ประเทศฟิจิพบอัตราติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สูงถึง 117 รายต่อประชากรจำนวน 100,000 รายต่อวัน โดยมีประชาชนทั้งประเทศน้อยกว่า 900,000 คน

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกๆ 1 ใน 3 รายที่ติดเชื้อมาจากรัฐฟลอริดา และเท็กซัส นอกจากนี้ ยังพบว่า 17% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มาจาก 7 รัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลถึงวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พบว่าสหรัฐอเมริกาสามารถฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มครอบคลุมถึง 70% ของจำนวนประชากรแล้ว ซึ่งล่าช้าถึง 1 เดือนจากเป้าหมายของประธานาธิบดีสหรัฐที่กำหนดไว้ว่าภายใน 4 กรกฎาคม หรือในวันชาติสหรัฐจะต้องฉีดให้ครบ 70%

ด้านดร.พอล ออฟฟิท กรรมการคณะกรรมการที่ปรึกษาเวชภัณฑ์เกี่ยวข้องวัคซีน และคณะกรรมการบริหารจัดการวัคซีนองค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า สหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ให้ครบ 80% เพื่อที่จะเปิดการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่อย่างแท้จริง ถ้าหากในภาพรวมมีสัดส่วนการฉีดครอบคลุม 70-80% แต่ในชุมนุมของแต่ละรัฐกลับมีสัดส่วนฉีดวัคซีนครอบคลุมเพียง 40% หรือ 50% ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ข้อมูลถึงวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคมผ่านมา พบว่า สหรัฐอเมริกามีการฉีดวัคซีนในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่เฉลี่ยวันละ 660,000 โดส ซึ่งเพิ่มขึ้นขึ้น 14% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้ แต่ยังต่ำกว่าสถิติฉีดมากสุดเป็นประวัติการณ์ที่เฉลี่ยมากกว่าวันละ 3 ล้านโดสในช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา

รอบ 24 ชั่วโมงผ่านมาถึงวันที่ 31 กรกฎาคม (ตามเวลาสหรัฐ) ที่รัฐฟลอริดาพบผู้ติดเชื้อพุ่งสูงถึง 21,683 ราย ทำสถิติติดเชื้อรายวันมากเป็นประวัติการณ์ หรือนับตั้งแต่เกิดการระบาดในรัฐฟลอริดาเป็นต้นมา ส่งผลให้รัฐฟลอริดากลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน สำหรับสถิติติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของรัฐฟลอริดาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 มีจำนวน 21,015 ราย

สาเหตุจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า หรืออินเดียในสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องรวมถึงในรัฐฟลอริดาด้วย โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคม รัฐฟรอริดามีจำนวนติดเชื้อรายวันต่ำสุดเกือบ 1,000 ราย กลับพุ่งทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดดมาสร้างสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์ในวันสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ อัตราการติดเชื้อในรัฐฟลอริดาพุ่งสูงถึง 18.1% ซึ่งสูงมากกว่า 2 เท่าของอัตราการติดเชื้อเฉลี่ยทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาที่ 7.8%

ขณะนี้ รัฐฟลอริดาซึ่งเป็นรัฐที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 3 ในสหรัฐอเมริกา ทำสถิติเป็นรัฐที่มีสัดส่วนกว่า 1 ใน 5 หรือ 20% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยพบว่าใน 7 วันก่อนสัปดาห์นี้ ฟรอริดามีจำนวนผู้ติดเชื้อ 110,477 ราย ขณะที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อพกิ้นส์ ในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น สหรัฐอเมริกามีจำนวนผู้ติดเชื้อ 545,000 ราย นอกจากนี้ อัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่รัฐฟลอริดามากกว่า 50% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านั้น

ทั้งนี้ สถานการณ์การระบาดทั้งสหรัฐอเมริกาในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมาถึงวันที่ 2 สิงหาคม(ตามเวลาในสหรัฐ) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 56,369 ราย ส่งผลต่อยอดติดเชื้อสะสมเป็น 35,895,980 ราย ขณะที่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่มขึ้น 213 ราย ส่งผลยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 629,862 ราย อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันติดเชื้อรายวันในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาที่แท้จริงนั้นพุ่งทะยานถึง 138,138 ราย สาเหตุจากมีการรับรวมจำนวนติดเชื้อรายวันที่ตกค้าง หรือไม่ได้รายงานในช่วงสุดสัปดาห์ที่พึ่งผ่านไป ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงถึง 53% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านั้น