เอกชนเผยไทยบริโภคน้ำตาลลดลง 10 % จากผลกระทบโควิด 19

760
0
Share:

นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี รองประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด หรือ TSMC เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทยกำลังเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญ จากสถานการณ์โควิด-19 ที่กระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เป็นผลให้ความต้องการบริโภคน้ำตาลในตลาดโลกชะลอตัวลง จากเดิมที่มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 2% ต่อปี
.
สำหรับประเทศไทย พบว่า ในช่วง 9 เดือนแรก ตั้งแต่เริ่มฤดูการผลิตปี 2562/63 หรือ ต.ค. 2562 – มิ.ย.2563 มีการบริโภคน้ำตาลรวมประมาณ 1.69 ล้านตันหรือเฉลี่ยเดือนละ 187,500 ตัน และหากรวมการบริโภคในช่วง 3 เดือนที่เหลือของฤดูการผลิตปีนี้ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย. 2563 คาดว่าอัตราการบริโภคภายในประเทศโดยรวมจะอยู่ประมาณ 2.25 ล้านตันเท่านั้น ต่ำกว่าร้อยละ 10 จากที่สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย ประมาณการไว้ที่ 2.5 ล้านตัน
.
นอกจากนี้ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลกยังหันมาผลิตน้ำตาลเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น หลังจากราคาน้ำมันตกต่ำ ไม่คุ้มค่ากับการนำอ้อยไปผลิตเป็นเอทานอลเมื่อเปรียบเทียบรายได้จากน้ำตาล สร้างแรงกดดันต่อราคาตลาดโลกซึ่งปัจจุบันราคาน้ำตาลทรายดิบอยู่ที่ประมาณ 11-12 เซนต์ต่อปอนด์ ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมในปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 15 เซนต์ต่อปอนด์
.
ขณะเดียวกันไทยในฐานะผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับ 2 ของโลก ต้องเผชิญภาวะภัยแล้งรุนแรง ส่งผลให้ผลผลิตอ้อยเข้าหีบในฤดูการผลิตปีนี้ ลดลงเหลือ 75 ล้านตัน และจากการประมาณการเบื้องต้นของปริมาณผลผลิตอ้อยประจำฤดูการผลิตปีหน้า (ปี2563/64)จะมีความใกล้เคียงกับฤดูการผลิตปีนี้
.
อย่างไรก็ตามชาวไร่มีความจำเป็นต้องเก็บอ้อยบางส่วนไว้ทำพันธุ์จึงคาดการณ์ว่า ผลผลิตอ้อยเข้าหีบในฤดูการปีหน้าลดลงกว่าเดิม เว้นแต่ว่าในช่วงต่อจากนี้จะมีปริมาณฝนตกกระจายทั่วถึงและต่อเนื่องในพื้นที่เพาะปลูกก่อนการเก็บเกี่ยวอ้อยส่งเข้าหีบในช่วงเดือนธ.ค. 2563
.
ทั้งนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลได้ร่วมมือกันเพื่อผ่านอุปสรรค โดยฝ่ายโรงงานและชาวไร่ร่วมกันดูแลอ้อยเข้าหีบให้มีคุณภาพ ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม จึงต้องเพิ่มความเข้มข้นในการรณรงค์และสร้างแรงจูงใจให้ชาวไร่ตัดอ้อยสดส่งเข้าหีบ ลดปัญหาอ้อยไฟไหม้ รวมถึงการจัดเก็บใบอ้อยนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า