เอสเอ็มอีในไทยไปไม่ไหว เตรียมปิดกิจการกว่า 40% เข้าไม่ถึงมาตรการรัฐบาล

581
0
Share:

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจสถานภาพธุรกิจไทยหลังโควิด-19 ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการแก้ไข โดยกลุ่มตัวอย่าง SMEs จำนวน 625 รายทั่วประเทศ พบว่า สถานภาพธุรกิจเมื่อเปรียบเทียบก่อนโควิด-19 ยอดขายลดลง 18.6% โดยเฉพาะธุรกิจการค้า ประเภทค้าส่งค้าปลีก ในขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น 14.9% กำไรลดลง 20.6% คำสั่งซื้อลดลง 15.3% ทำให้ธุรกิจ SMEs ขาดสภาพคล่องส่งผลต่อการประกอบธุรกิจ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย กล่าวต่อไปว่า ถึงแม้ว่าปัจจุบัน จะมีการคลายล็อกเปิดประเทศแล้วก็ตาม โดยธุรกิจขนาด SMEs ของไทย 40.1% บอกว่าได้รับผลกระทบมากและมีโอกาสปิดกิจการ ถึงแม้ว่ารัฐจะออกมาตรการต่างๆ เพื่อมาลดผลกระทบ แต่ธุรกิจ SMEs ของไทยส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงมาตรการได้ โดยเฉพาะการเพิ่มสภาพคล่องเนื่องจากประสบปัญหาในเรื่องของการขาดหลักทรัพย์ค้ำประกันและเงื่อนไขของสถาบันการเงิน

ทั้งนี้ รวมถึงยังมีปัจจัยอื่นๆเข้ามามีส่วนทั้งต้นทุนประกอบการที่สูงขึ้นจากการผลิตสินค้าและต้นทุนที่สูงขึ้นจากมาตรการโควิด-19 จึงต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยในเรื่องของการเพิ่มสภาพคล่องอย่างเร่งด่วน ด้วยการปล่อยสินเชื่อโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อให้มีโอกาสเข้าถึงเงินทุนได้ดีขึ้น การลดหย่อนภาษี สำหรับอนาคต และการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้รัฐบาลผ่อนคลายให้ธุรกิจกลางคืนสามารถเปิดกิจการได้ เนื่องจากมี สัดส่วนต่อจีดีพีถึง 20% คิดเป็นเม็ดเงิน 2-3 ล้านล้านบาทต่อปี แต่ยังคงต้องเปิดภายใต้มาตรการทางด้านสาธารณสุขที่ให้ทุกคนปฏิบัติร่วมกันเพื่อสามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้อีกด้วย