โควิดทุบยอดใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 7 เดือนติดลบ 13.8%

857
0
Share:

น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 7 เดือนของปี 2563 (ม.ค. – ก.ค.) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 13.8 โดยกลุ่มเบนซิน ลดลงร้อยละ 5.4กลุ่มดีเซล ลดลงร้อยละ 4.5 น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ลดลง ร้อยละ 53.5 น้ำมันเตา ลดลงร้อยละ 20.7 น้ำมันก๊าด ลดลงร้อยละ 16.7 ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ลดลงร้อยละ 16.8 และเอ็นจีวี ลดลงร้อยละ 31.7 โดยยังคงมีสาเหตุสำคัญมาจากภาครัฐได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลง
.
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2563 ภาครัฐได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 5 ส่งผลให้ภาพรวมความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดือนก่อนหน้า เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัว
.
สำหรับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง มีปริมาณรวมลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 912,987 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 9.6 โดยมีปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 885,892 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 4.6 คิดเป็นมูลค่าเฉลี่ย 39,633 ล้านบาท/เดือน เนื่องจากในเดือนก.ค. 2563 ยังคงอยู่ในช่วงหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศลดลง จึงส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบลดลงไปด้วย สำหรับน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ แอลพีจีโดยมีปริมาณนำเข้าลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 27,094 บาร์เรล/วันคิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 66.8 คิดเป็นมูลค่านำเข้าเฉลี่ยรวม 1,303 ล้านบาท/เดือน
.
การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยานและก๊าด และแอลพีจีโดยมีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 197,551 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.6 คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวมเฉลี่ย 8,703 ล้านบาท/เดือน