โควิด-19 ดุ-แรง-โหด! ทำเงินท่องเที่ยวทั่วโลกหายเดือนละกว่า 3 ล้านล้านบาท

774
0
Share:

สถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นมาถึง 2 เดือนเศษ และยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่า วิกฤตการระบาดทั่วโลกครั้งนี้ ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโลกกลายเป็นด่านแรกที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงมากที่สุด โดยสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวโลก หรือ GBTA ประเมินมูลค่าเสียหายไม่ต่ำกว่าเดือนละ 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านล้านบาท นั่นหมายถึง มูลค่าความเสียหายสะสมมีไม่น้อยกว่า 94,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่น้อยกว่า 3 ล้านล้านบาทในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA ประเมินมูลค่าความเสียหายของยอดขายของสายการบินทั่วโลกเกือบ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 960,000 ล้านบาท
.
จากมูลค่าความเสียหายของทั้ง 2 สถาบันการท่องเที่ยวระดับโลกที่ประเมินไว้ ทำให้เศรษฐกิจท่องเที่ยวโลกเสียหายมากที่สุดในรอบ 19 ปี 5 เดือน หรือตั้งแต่เหตุการณ์วินาศกรรมตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่เรียกกันสั้นๆว่า เหตุการณ์ 11 กันยายน (ในปี 2544) หรือ 9/11 รวมถึงเหตุการณ์โรคระบาดทางเดินหายใจซาร์ส และสงครามอ่าวอิรักกับสหรัฐอเมริกาเป็นต้นมา
.
วิกฤตโรคระบาดไวรัสโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในปีนี้ ส่งผลให้ประเทศที่มีรายได้จากตลาดท่องเที่ยวใน 10 อันดับแรกของโลก ได้รับความเสียหายหนักและยืดเยื้อต่อเนื่องถึงแม้ว่าการระบาดจะสิ้นสุดลง แต่ต้องใช้ระยะเวลานานในการฟื้นความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมถึงประชาชาในประเทศกันเองให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศที่เปิดตลาดท่องเที่ยว ซึ่งมีสัดส่วนในการสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ หรือจีดีพีสูงมาก สำหรับ 10 ประเทศแรกที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวต่อจีดีพีประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์(24.7%) ไทย(21.6%) กรีซ(20.6%) โปรตุเกส(19.1%) นิวซีแลนด์(17.9%) ฮ่องกง(17.4%) เม็กซิโก(17.2%) ออสเตรีย(15.4%) สเปน(14.6%) และอิตาลี(13.2%)
.
ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตทั่วโลก ได้รับความเสียหายครั้งใหญ่ในรอบกว่า 19 ปีเช่นกัน วิกฤตโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้อัตราห้องว่างมีจำนวนพุ่งสูงมากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และมีแนวโน้มสูงที่จะเหลือห้องว่างเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต โดย 6 ประเทศแรกที่อัตราการเข้าพักโรงแรมและรีสอร์ตลดลงอย่างรุนแรง ได้แก่ จีน(-85.3%) ฮ่องกง(-73.6%) สิงคโปร์(-48.7%) เกาหลีใต้(-33.5%) ไทย(-31.4%) และอิตาลี(-16.6%)