ECB อัดฉีดเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจกลุ่มยูโรกว่า 18 ล้านล้านบาท

ธนาคารกลางกลุ่มประเทศยูโร หรืออีซีบี แถลงว่า มีมติให้ใช้มาตรการฟื้นฟู และกระตุ้นเศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรผ่านการใช้เงินมูลค่าสูงถึง 500,000 ล้านยูโร หรือ 605,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 18.8 ล้านล้านบาท ด้วยการซื้อคืนพันธบัตรในระบบตลาดการเงิน หรือมาตรการ Quantitative Easing (QE)
.
หากรวมเม็ดเงินในมาตรการใหม่ครั้งนี้กับมาตรการคิวอีเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้มูลค่าโดยรวมเป็น 1.85 ล้านล้านยูโร หรือ 2.24 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นประมาณ 69.4 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ ประกาศขยายระยะเวลาการใช้มาตรการคิวอีออกไปจากกำหนดการเดิม ไปเป็นภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2565 ไม่เพียงเท่านั้น แบงค์ชาติกลุ่มยูโร มีมติอนุมัติสินเชื่อสนับสนุนระหว่างธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้เกิดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
.
นางคริสทีน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางกลุ่มประเทศยูโร หรืออีซีบี เปิดเผยว่า ความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจยังคงมีอยู่สูง ซึ่งอยู่บนพัฒนาการของวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 และสถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าวในยุโรป ดังนั้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้มาตรการ และเครื่องมือทางการเงินต่างๆ ที่จะทำให้ภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบันที่ติดลบ เปลี่ยนแปลงไปสู่เป้าหมายเงินเฟ้อที่กำหนดไว้ คือ 2%
.
ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุด พบว่าถึงแม้เศรษฐกิจกลุ่มยูโรจะกลับมาเติบโตอย่างรวดเร็วในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ โดยมีจีดีพีที่ระดับสูง แต่ในภาพรวม ยังพบว่าต่ำกว่าเศรษฐกิจกลุ่มยูโรราว 4.2%
.
ทั้งนี้ การประกาศใช้มาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจในวันนี้ ซึ่งมีชื่อว่า โครงการจัดซื้อสภาวะฉุกเฉินเกี่ยวกับโรคระบาด หรือ PEPP ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ในการดำเนินมาตรการดังกล่าว ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อีซีบีประกาศเพิ่มขนาดของโครงการ PEPP ถึง 600,000 ล้านยูโร หรือเพิ่มขึ้นอีก 726,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 22.5 ล้านล้านบาท