SCB EIC เผยคนไทยยังให้ความสำคัญในการซื้อประกันน้อย

1041
0
Share:

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC เปิดเผยว่าปัจจุบันคนไทยที่ซื้อประกันชีวิตยังเป็นส่วนน้อย จากข้อมูลในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ครัวเรือนไทยที่มีรายจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต1 มีสัดส่วนเพียง 8.9% จากจำนวนครัวเรือนทั้งหมด ซึ่งถือเป็นส่วนน้อย
.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน และ 1.5 – 3 หมื่นบาทต่อเดือนที่มีสัดส่วนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 4.8% และ 8.2% ตามลำดับ
.
ทั้งนี้สัดส่วนครัวเรือนที่มีรายจ่ายประกันชีวิตจะสูงขึ้นตามช่วงรายได้ จากเงินออมและโอกาสจากการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการซื้อประกันชีวิตที่มีมากกว่า ทำให้สัดส่วนกลุ่มครัวเรือนรายได้สูงที่มีรายจ่ายประกันชีวิตอยู่ในระดับที่สูงกว่า โดยเปรียบเทียบ โดยกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ในช่วง 3 – 5 หมื่นบาท และ มากกว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือน มีสัดส่วนการมีประกันชีวิตอยู่ที่ 10.2% และ 20.3% ตามลำดับ
.
สำหรับค่ากลาง (median) ของเบี้ยประกันที่จ่ายต่อปีของครัวเรือนไทยจะอยู่ที่ราว 5 พันบาทต่อปี โดยมูลค่าของเบี้ยประกันที่จ่ายก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามรายได้ของครัวเรือนเช่นกัน
.
ส่วนลักษณะและพฤติกรรมของครัวเรือนไทยมีผลต่อการซื้อประกันชีวิต โดยพบว่า หากครัวเรือนมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ 1.มีบ้านเป็นของตนเอง // 2.มีสมาชิกที่จบปริญญาตรีขึ้นไป // 3.มีสถานะสมรส หรือ 4.มีลูก จะมีแนวโน้มที่จะมีประกันชีวิตมากกว่าครัวเรือนที่ไม่มีลักษณะดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคตามช่วงชีวิต และผลส่วนหนึ่งอาจมาจากการทำประกันชีวิตพร้อมกับการขอสินเชื่อบ้านเพื่อเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ดีกว่า
.
อย่างไรก็ตามแนวโน้มการซื้อประกันชีวิตของคนไทยยังมีโอกาสทางการตลาดทั้งในกลุ่มศักยภาพและกลุ่มที่มีความจำเป็น จากสัดส่วนครัวเรือนไทยที่มีรายจ่ายประกันชีวิตที่น้อยเพียง 8.9% สะท้อนว่าครัวเรือนที่ยังไม่ซื้อมีอีกมากถึงกว่า 9 ใน 10 แม้กระทั่งกลุ่มที่มีลักษณะที่บ่งชี้แนวโน้มในการซื้อสูงก็ยังมีสัดส่วนการมีรายจ่ายประกันชีวิตไม่ถึงครึ่งหนึ่ง
.
โดยกลุ่มครัวเรือนที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป แต่งงาน มีลูก และเป็นเจ้าของบ้าน มีสัดส่วนที่มีรายจ่ายประกันชีวิตเพียง 2.0 จาก 8.5 แสนครัวเรือน หรือคิดเป็น 24.1% เท่านั้น
.

นอกจากนี้แนวโน้มการซื้อประกันชีวิตในภาพรวมของคนไทยยังมีความท้าทาย ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจภาคครัวเรือนที่ซบเซาจากรายได้ที่ลดลงและภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ครัวเรือนไทยโดยเฉลี่ยมีอัตราการออมที่ลดลง ส่งผลกระทบกับแนวโน้มการซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อการออมและการลงทุนอย่างประกันชีวิต อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำก็จะมีผลทำให้ผลตอบแทนของการลงทุนในประกันชีวิตต่ำลงไปด้วย นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงเชิงประชากรทั้งขนาดครอบครัวที่เล็กลง การแต่งงานที่ช้าลงและการตัดสินใจมีลูกที่น้อยลงก็จะมีส่วนทำให้การตัดสินใจทำประกันชีวิตโดยเฉลี่ยช้าลงหรือลดลงจากในอดีตได้ด้วยเช่นกัน