SCB CIO คาดธนาคารกลางมีแนวโน้มหยุดขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2 หลังเกิดปัจจัยความเสี่ยง

227
0
Share:
SCB CIO คาด ธนาคารกลาง มีแนวโน้มหยุดขึ้น ดอกเบี้ย ในไตรมาส 2 หลังเกิดปัจจัยความเสี่ยง

ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากประเด็นความกังวลการแห่ถอนเงิน (Bank run) ในสหรัฐฯ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต้องออกมาตรการเพื่อจัดการคุ้มครองเงินฝากของธนาคารที่ถูกปิดและดูแลสภาพคล่องให้กับธนาคารที่จะมีปัญหานี้ในอนาคต โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ธนาคารขนาดกลางในสหรัฐฯ ประสบปัญหาคือ 1) โครงสร้างฐานลูกค้าที่มีการกระจุกตัว (client base concentration) และ 2) การบริหารสินทรัพย์และหนี้สินที่ผิดพลาด (asset/liability mismatching) อย่างไรก็ตาม SCB CIO เชื่อว่าโอกาสที่จะลุกลามกลายเป็นวิกฤตทั้งระบบยังมีค่อนข้างน้อย เพราะส่วนใหญ่เป็นปัญหาเฉพาะตัว และ Fed ได้ออกมาจัดการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากเงินและช่วยสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์ได้ค่อนข้างเร็ว

ส่วนกรณีเสถียรภาพสถาบันการเงินในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ SCB CIO ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ UBS ตกลงเข้าซื้อ Credit Suisse โดยมีธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ช่วยเหลือเรื่องสภาพคล่อง แต่หนึ่งในเงื่อนไขที่สร้างความประหลาดใจให้ตลาด คือ การที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ (FINMA) ได้มีคำสั่งให้ผู้ถือหน่วยตราสารที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 หรือ Additional Tier 1 (AT1) ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ต้องรับความเสียหายไปด้วย โดยมูลค่า AT1 ส่วนนี้กลายเป็นศูนย์ ดังนั้น SCB CIO มองว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยลดความกังวลเสถียรภาพของระบบการเงินได้ในระดับหนึ่ง แต่น่าจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปต้องถือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากขึ้นและเข้มงวดขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจมีการชะลอตัวได้มากขึ้นในระยะข้างหน้า

ทั้งนี้ รูปแบบการเข้าช่วยเหลือ เป็นการเน้นรักษาเสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมและดูแลผู้ฝากเงิน ขณะที่ ผู้ถือหุ้น/AT1 ต้องรับความเสียหายด้วย เป็นมาตรการช่วยเหลือที่เห็นได้ทั้งในกรณีสหรัฐฯ และ สวิสเซอแลนด์ โดยเราเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ที่มีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและฐานทุนจะยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากการถูกประเมินอันดับและแนวโน้มความน่าเชื่อถือ (credit rating and outlook downgrade risk) และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นต่อไป โดยประเด็นเหล่านี้จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังในการปล่อยกู้สินเชื่อมากขึ้น และน่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อ

จากความเสี่ยงเสถียรภาพสถาบันการเงิน จะทำให้ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มหยุดขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2 โดยในกรณีของ Fed จะนำประเด็นรอยร้าวที่เกิดขึ้นในระบบการเงิน (แม้จะมีการอุดรอยร้าวนี้ไปบ้างแล้ว) มาเป็นปัจจัยที่ใช้ตัดสินใจ เพราะในการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed นอกจากประเด็นเงินเฟ้อและการจ้างงานแล้ว Fed ต้องพิจารณาเสถียรภาพระบบการเงิน สถาบันการเงิน ระบบการชำระเงินและการคุ้มครองผู้บริโภคด้วย ทำให้ Fed น่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 25 bps. ในการประชุมเดือน พ.ค. โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุด (Terminal rate) จะอยู่ที่ 5.00%-5.25% และคงดอกเบี้ยไว้ระดับนี้จนถึงปลายปี 2566

สำหรับ กลยุทธ์การลงทุน SCB CIO ประเมินว่า ยังเป็นโอกาสดีที่จะสะสมหุ้นกู้คุณภาพสูง (Positive) แม้อัตราเงินเฟ้อในช่วงสั้นจะยังอยู่ในระดับสูง แต่ราคาพลังงานโลกที่ลดลงค่อนข้างเร็ว น่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงไตรมาสที่ 2 เริ่มมีสัญญาณชะลอลงเร็วขึ้น บวกกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของเสถียรภาพสถาบันการเงิน เราคาดว่า Fed รวมถึงธนาคารกลางหลักอื่นๆ จะเริ่มส่งสัญญาณการหยุดขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2/2566 ทำให้ในช่วงนี้ยังเป็นจังหวะที่ยังทยอยสะสมหุ้นกู้คุณภาพดีได้