SCB EIC เพิ่มคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้โต 3.9% จากภาคท่องเที่ยว การบริโภคเอกชนมีส่วนช่วย

414
0
Share:
SCB EIC เพิ่มคาดการณ์ จีดีพีไทย เศรษฐกิจไทย ปีนี้โต 3.9% จากภาคท่องเที่ยว การบริโภคเอกชนมีส่วนช่วย

นายสมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า SCB EIC ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 66 เป็นขยายตัว 3.9% (เดิม 3.4%) โดยมีแรงขับเคลื่อนจากภาคท่องเที่ยว และภาคบริการที่ฟื้นตัวดี โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 66 คาดว่าจะอยู่ที่ 30 ล้านคน และกลับไปแตะระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในช่วงปลายปี 67 มองว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาได้ราว 4.8 ล้านคน หลังจีนยกเลิกมาตรการ Zero-COVID เร็วขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ตลาดแรงงานและการบริโภคในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่อง

ด้านการส่งออกไทยในปีนี้ แม้จะมีแนวโน้มไม่สดใสนัก แต่ยังคงมุมมองว่ามูลค่าการส่งออกจะยังขยายตัวได้ 1.2% ตามเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวดีกว่าคาด และอุปสงค์จากจีนที่ฟื้นตัว นอกจากนี้ ยังมีตลาดส่งออก 3 แห่งที่มีศักยภาพ และเป็นโอกาสของไทย ได้แก่ ตลาดตะวันออกกลาง ตลาด CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) และตลาดลาตินอเมริกา ส่วนการลงทุนภาคเอกชน มีแนวโน้มขยายตัวตามความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ปรับดีขึ้น ตลอดจนแนวโน้มการขอรับและออกบัตรส่งเสริมการลงทุนที่สูงขึ้น

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% กลับมาอยู่ในกรอบเป้าหมายได้ ตามราคาพลังงานโลกที่ปรับลดลง และมาตรการอุดหนุนราคาพลังงานในประเทศที่มีต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อพื้นฐาน คาดว่าจะชะลอลงมาที่ 2.4% แต่ยังอยู่ในระดับสูง สะท้อนการทยอยส่งผ่านต้นทุนจากผู้ผลิตสู่ราคาผู้บริโภคในช่วงที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเข้มแข็งขึ้น และแรงกดดันเงินเฟ้อจากด้านอุปสงค์ที่เริ่มมีมากขึ้น

“ในกรณีฐาน SCB EIC มองว่า เศรษฐกิจไทยจะยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง การท่องเที่ยวและการบริโภคจะเป็นฟันเฟืองหลักช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะช่วยให้ภาคธุรกิจใน Tourism ecosystem ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีนค่อนข้างสูง รวมถึงตลาดแรงงานไทยฟื้นตัวกลับมาใกล้ระดับก่อนเกิดวิกฤต โควิด-19 แล้ว ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแรงงานที่กลับเข้ามาทำงานในภาคการท่องเที่ยวและบริการมากขึ้น ส่งผลให้ค่าจ้างแรงงานในภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น” นายสมประวิณ กล่าว

ส่วนเศรษฐกิจโลกในปี 66 SCB EIC มองว่า มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าที่เคยประเมินไว้ จึงปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกเพิ่มจาก 1.8% เป็น 2.3% เนื่องจากข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีกว่าคาด และจีนเปิดประเทศเร็วขึ้น โดยสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปมีแนวโน้มหลีกเลี่ยงเศรษฐกิจถดถอยได้ สำหรับเศรษฐกิจจีน มีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่งจากการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนหลังกลับมาเปิดประเทศในรอบสามปี

สำหรับสถานการณ์ Silicon Valley Bank (SVB) ในสหรัฐฯ ที่มีปัญหาขาดสภาพคล่องและถูกปิดตัวลง อาจกระทบความเชื่อมั่นในระยะสั้น แต่ความเสี่ยงที่จะลุกลามจนเกิดวิกฤตการเงินโลกเหมือนในปี 51 ยังมีน้อย แต่ยังต้องติดตามใกล้ชิด

กรณีการเลือกตั้งใหญ่ในปี 66 มองว่าจะไม่กระทบการใช้จ่ายภาครัฐในปี 66 เท่าไรนัก เพราะรัฐบาลปัจจุบันได้เร่งเบิกจ่ายงบลงทุนไว้ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 66 สูงกว่าปีงบประมาณที่ผ่าน ๆ มา รวมถึงได้เร่งอนุมัติโครงการก่อสร้างภาครัฐใหม่ คาดว่าอัตราเบิกจ่ายงบประมาณภายใต้รัฐบาลรักษาการและการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่จะต่ำลงบ้าง และ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ปี 67 จะประกาศใช้ล่าช้าไม่เกิน 3 เดือน แต่หากมีความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ส่งผลให้ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ปี 67 ประกาศใช้ล่าช้ากว่ากรณีฐาน อาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายภาครัฐในช่วงปีนี้และปีหน้าได้ โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐ

นอกจากนี้ SCB EIC ประเมินด้วยว่า ในกรณีฐาน อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย จะทยอยปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี สู่ระดับ 2% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง และเงินเฟ้อไทยจะยังไม่ปรับลดลงเร็วนัก ขณะที่เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่จะปรับแข็งค่าขึ้นไปอยู่ที่ 32-33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปีนี้ จากปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่เข้มแข็งขึ้น และเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะกลับมาอ่อนค่า โดยเฉพาะหลังจากเฟดเริ่มหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้