ข้าวเหนียวมะม่วง ทุเรียน ไม่อ้วน ไม่ร้อนใน ต้องกินอย่างไง

Share:

          เมษายนมาเยือน นอกจากความร้อนจนแผดเผาแล้ว ก็ยังมีผลไม้และของหวานที่หลายคนรอคอยคือ ‘ข้าวเหนียวมะม่วง’ และ ‘ทุเรียน’ ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นราชาแห่งผลไม้และของหวานประจำเทศกาลแต่ก็ต้องระมัดระวังเพราะถ้าเพลิดเพลินใจเกินไปน้ำตาลในเลือดอาจจะพุ่งสูง ตามมาด้วยห่วงยางรอบเอว วันนี้เรามีวิธีกินทั้งสองอย่างนี้ให้ไม่อ้วน ไม่ร้อนในมาฝากกันค่ะ

ที่มา : pixabay.com

          ‘ข้าวเหนียวมะม่วง’ ประกอบด้วย 2 อย่าง คือข้าวเหนียวมูล และมะม่วงสุก ปริมาณหนึ่งเสิร์ฟให้พลังงานประมาณ 300 -350 กิโลแคลอรี เทียบเท่ากับอาหารหลัก เช่น บะหมี่แห้ง 1 จานกันเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าเราตบท้ายข้าวเหนียวมะม่วงเป็นของหวานก็เท่ากับได้แคลอรีในมื้อนั้นเป็น 2 เท่า ดั้งนั้นไม่ควรกินข้าวเหนียวมะม่วงติดกันทุกวันนะคะ ควรกินสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ควรกินในช่วงมื้อกลางวันแทนมื้อเย็น เพราะร่างกายยังได้ใช้พลังงาน อาจจะต้องลดปริมาณของข้าวเหนียวลง และควรออกกำลังกายควบคู่เพื่อไม่ให้ไขมันสะสม ยกตัวอย่างการกินข้าวเหนียวมะม่วง 1 จาน ต้องวิ่ง 45 นาที ปั่นจักรยาน 1 ชั่วโมง ฟังแบบนี้แล้วมีสติในการกินขึ้นมาเลยใช่ไหมคะ

ที่มา : pixabay.com

          ‘ทุเรียน’ ราชาแห่งผลไม้ ที่ทั้งคนไทยและต่างชาติโปรดปราน ด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ จึงไม่แปลกที่พอฤดูกาลทุเรียนมาเยือนหลายคนจะน้ำหนักขึ้น และผู้ป่วยเบาหวานน้ำตาลในเลือดพุ่ง เพราะอดใจกับทุเรียนไม่ไหว ดังนั้นก่อนจะกินมาดูเคล็ดลับการกินให้สุขภาพไม่พังกันดีกว่าค่ะ ทุเรียนเป็นผลไม้ที่คาร์โบไฮเดรต และไขมัน แต่ก็มีประโยชน์ด้วยทั้งใยอาหารช่วยในการขับถ่าย และเบต้าแคโรทีนที่ช่วยบำรุงสายตา ทุเรียน 1 เม็ดขนาดกลาง 40 กรัม ให้น้ำตาล 18 กรัม หากกิน 3 เม็ด เท่ากับเรากินข้าว 2 ทัพพี เลยทีเดียว กรมอนามัยจึงแนะนำว่า 1 วันไม่ควรกินทุเรียนเกิน 2 เม็ด และไม่ควรกินบ่อย เพราะจะทำให้อ้วน และยังเกิดอาการร้อนในได้ด้วยแก้ด้วยการรับประทานมังคุด หรือสมุนไพรแก้ร้อนใน เช่น น้ำเก๊กฮวย น้ำรากบัว หลังจากรับประทานแล้วควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ลดปริมาณการรับประทานแป้งในอาหารอื่นๆลง ผู้ป่วยเบาหวานควรจำกัดปริมาณในการกินอย่างเคร่งครัด

          ปรับการกินตามที่แนะนำไปได้รับรองว่าหมดฤดูกาลแห่งความสุขนี้ไป จะไม่ต้องกลับมาทุกข์ใจกับไขมันและความอ้วนจากการตามใจปากแน่นอนค่ะ

Young@Heart Show