Kombucha ชาหมักเพื่อสุขภาพ กับ เชฟโอ จากร้าน O’ganic Concept

Share:

          Kombucha ชาหมักเพื่อสุขภาพ รสชาติเปรี้ยว ซ่า เป็นเครื่องดื่มที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่ม คนรักสุขภาพ เพราะมีจุลินทรีย์ที่ดีต่อลำไส้หรือโพรไบโอติกส์ มีส่วนช่วยรักษาสมดุลของระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่าย โดยชาหมักนี้มีมายาวนานกว่า 2,000 ปีจากประเทศจีน จนถูกยกย่องให้เป็น ชาอมตะ

          การทำชาหมักนั้น หัวใจสำคัญที่ต้องมีคือ ตัวสโคบี (SCOBY) ซึ่งเป็นส่วนผสมของแบคทีเรียและยีสต์ หลังจากหมักชาไประยะหนึ่งแล้วจะทำให้เกิดแผ่นวุ้นใสๆลอยอยู่บนน้ำชา และสโคบีนี้จะเข้าทำหน้าที่ย่อยสลายน้ำตาลให้กลายเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อระบบภายในร่างกาย ต่อมาคือชาที่ใช้ในการหมักซึ่งสามารถเลือกรสชาติและกลิ่นที่ชื่นชอบได้ ทั้งชาดำ และชาเขียว และยังเพิ่มเติมรสชาติให้อร่อยมากขึ้นด้วยการหมักกับผลไม้ เช่น สตรอว์เบอร์รี , มัลเบอร์รี, แอปเปิล, ตะไคร้, ขิง

          ประโยชน์มากมายและรสชาติเปรี้ยว ซ่าน่าดื่มขนาดนี้ Young @Heart Show และ เชฟโอ นัฐกาญจน์ ศรีสวัสดิ์ เจ้าของร้าน O’ganic Concept ก็มีเคล็ดลับวิธีการทำชาหมักได้ง่ายๆด้วยตัวเองที่บ้าน เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมแล้วไปเริ่มทำชาหมักกันเลยค่ะ

ส่วนผสมในการทำชา
– หัวเชื้อสโคบี
– ใบชาดำ
– น้ำตาลทรายออร์แกนิค
– น้ำเปล่า

ส่วนผสมในการทำชาหมักรสต่างๆ
– เสาวรส
– เคพกูสเบอร์รี
– สตรอว์เบอร์รี

ผลไม้สำหรับตกแต่ง
– ทับทิม
– สตรอว์เบอร์รี

อุปกรณ์ในการหมักชา
– โหลแก้ว
– ผ้าขาวบาง
– ตะแกรง
– เชือก

วิธีการทำชาหมัก


1. เริ่มจากการนำน้ำเปล่ามาต้มให้เดือด


2. เมื่อน้ำเดือนแล้วนำใบชาดำมาใส่ลงในน้ำเดือด จากนั้นปิดไฟ แล้วทิ้งไว้ 10 นาที เพื่อให้ชาออกสี และออกกลิ่น


3. เมื่อครบ 10 นาทีแล้วให้เติมน้ำตาลทรายออร์แกนิคลงไปคนให้น้ำตาลละลาย


4. เมื่อน้ำตาลละลายแล้วให้นำโหลแก้วที่ผ่านการล้างทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันเชื้อโรคด้วยการล้างด้วยน้ำร้อนแล้ว พร้อมด้วยตะแกรง มาทำการกรองใบชา

5. เมื่อนำน้ำชาใส่โหลเรียบร้อยแล้วให้พักน้ำชาไว้ให้ความร้อนลดลง จนอุณหภูมิน้ำชาร้อนไม่เกิน 30 องศา แล้วจึงนำหัวเชื้อสโคบีลงไป หากน้ำชามีอุณหภูมิร้อนเกิน 30 องศาจะทำให้หัวเชื้อสโคบีตายได้


6. หลังจากนั้นนำผ้าขาวบางมาคลุมฝาโหลแล้วรัดผ้าด้วยเชือกที่เตรียมไว้ หมักทิ้งไว้ประมาณ 21 วัน ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก และไม่โดนแสงแดด เพื่อให้ตัวสโคบีได้ทานน้ำตาลและสร้างจุลินทรีย์ในน้ำชา เมื่อครบ 21 วันแล้วก็สามารถนำมารับประทานได้ค่ะ

          เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆที่เชฟโอนำมาเกี่ยวกับการทำชาหมักก็คือ ควรใช้เป็นโหลแก้วในการทำการหมักชา เพราะเมื่อหมักชาไประยะหนึ่งแล้ว ตัวชาจะมีรสเปรี้ยวและเป็นกรด หากใช้โหลที่เป็นสแตนเลส หรือ พลาสติก กรดในน้ำชาจะไปกัดกร่อนตัววัสดุและอาจเกิดสารปนเปื้อนในน้ำชาได้ค่ะ นอกจากนี้ ระหว่างการหมักชาควรคอยเช็กโหลหมักว่ามีมดขึ้น หรือมีเชื้อราขึ้นหรือไม่ หากพบว่ามีมดและเชื้อราแปลว่าชาหมักที่ทำไว้เสียต้องเททิ้งทั้งหมด ทำความสะอาดและทำการหมักใหม่อีกครั้ง

 

วิธีการทำชาหมักในรสชาติผลไม้


1. นำผลไม้ที่ต้องการนำมาหมักชามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆใส่ในขวดแก้ว หรือขวดโหลแก้วที่เตรียมไว้ เช่น เสาวรส, เคพกูสเบอร์รี, สตรอว์เบอร์รี


2. นำน้ำชาที่หมักครบ 21 วันแล้วมาเทใส่ในขวดที่ใส่ผลไม้ไว้ ประมาณ 3 ใน 4 ของขวด


3. จากนั้นปิดฝาและหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระหว่างหมักควรคอยตรวจเช็กว่ามีแก๊สในขวดมากหรือไม่ หากมีแก๊สมากควรเปิดฝาเพื่อระบายแก๊สออกป้องกันขวดระเบิดค่ะ


4. เมื่อหมักกับผลไม้ครบ 7 วันแล้วก็นำมาดื่มได้เลย โดยใส่น้ำแข็งและผลไม้สดเพิ่มเติมลงไปได้ตามที่เราต้องการ เช่น ทับทิม, สตรอว์เบอร์รี หรือจะใส่โซดาก็อร่อยเพิ่มความสดชื่นไปอีกแบบค่ะ


          คำแนะนำควรดื่มก่อนรับประทานอาหาร 20-30 นาที หรือหลังมื้ออาหาร 1 ชั่วโมงตอนท้องว่าง เพื่อให้จุลินทรีย์ได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ และถึงแม้ว่า ชาหมักเพื่อสุขภาพจะมีประโยชน์กับร่างกาย แต่เด็กที่อายุต่ำกว่า 4 ปี และสตรีมีครรภ์ ไม่ควรดื่มเพราะ ตัวชาหมักจะมีแอลกอฮอล์ประมาณ 0.5% เป็นแอลกอฮอล์อ่อนๆที่เกิดจากการหมักหากบริโภคในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการมึนได้ค่ะ

ติดตามเรื่องราวสุขภาพได้ที่ Young @Heart Show

ตอน คอมบูฉะ กับ เชฟโอ จากร้าน O’ganic Concept

Young@Heart Show