เอกชนท่องเที่ยว 3 จังหวัดภาคใต้ร่ายยาวอัดรัฐบาลไทยกลับลำใช้มาตรการกันโควิดกับต่างชาติ

421
0
Share:
เอกชน ท่องเที่ยว 3 จังหวัด ภาคใต้ ร่ายยาวอัด รัฐบาล ไทยกลับลำใช้มาตรการกันโควิดกับต่างชาติ

วันนี้ 8 มกราคม 2566 ภาคเอกชนจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ 10 องค์กรลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2566 ทำจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและสำเนาถึงรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (นายยุทธศักดิ์ สุภสร)มีเนื้อหา ระบุว่า

จากการที่ประเทศจีนได้เปลี่ยนนโยบายควบคุมโควิด-19 ทำให้ประเทศไทยได้ออกมาตรการในการรับนักท่องเที่ยวซึ่งทางรัฐบาลชูนโยบายยึดหลักเท่าเทียมทุกชาติไม่เลือกปฏิบัติ เป็นผลให้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกแนวทางดังต่อไปนี้

1. ผู้เดินทางต้องรับวัคซีนโควิดอย่างน้อย 2 เข็ม
2. หากประเทศต้นทางมีเงื่อนไขผลตรวจ RT- PCR เป็นลบก่อนกลับ ต้องซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการตรวจรักษาโรคโควิด 19
3. แนะนำให้ผู้เดินทางป้องกันตนเองตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศ เช่น สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ/ขนส่งสาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ
4. หากมีอาการทางเดินหายใจ ให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK และหากมีอาการป่วยรุนแรงขึ้นให้ไปตรวจรักษาที่สถานพยาบาล แนะนำให้พักในโรงแรม SHA+ สำหรับผู้ต้องการทำ RT-PCR ก่อนเดินทางกลับประเทศ

ทางภาคเอกชนเข้าใจถึงแนวทางที่ถูกกำหนดมาข้างต้นและความเป็นห่วงของรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตามเอกชนมีความกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อมาตรการที่ 1 ในการดำเนินการและกระบวนการตรวจสอบที่กำหนดให้ผู้เดินทางต้องรับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม เนื่องจากมาตรการนี้จะบังคับใช้กับผู้เดินทางทุกราย

ทางภาคเอกชนได้รับการติดต่อจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากที่แสดงความเป็นกังวลต่อมาตรการดังกล่าวซึ่งจะเป็นการเพิ่มความยุ่งยากในการเดินทาง ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวหลักในปัจจุบันอาจตัดสินใจยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทย และเลือกที่จะเดินทางไปจุดหมายปลายทางอื่น

เนื่องจากขณะนี้ ประเทศหลักที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เช่น ประเทศในทวีปยุโรป รัสเซีย ออสเตรเลีย ได้ยกเลิกมาตรการโควิด-19 ทั้งหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นการยกระดับมาตรการดังกล่าวจักทำให้ประเทศต่าง ๆกังวลกับมาตรการที่ย้อนกลับของประเทศไทยที่จะบังคับใช้กับทุกประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อการท่องเที่ยวในภาพรวม

ทางภาคเอกชนจึงขอเสนอให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนนโยบายจำกัดการบังคับวัคซีน 2 เข็มเฉพาะกับผู้เดินทางจากประเทศที่มีมาตรการบังคับทำ RT-PCR ก่อนกลับเข้าประเทศเท่านั้น (ดังเช่นในมาตรการข้อที่ 2) เนื่องจากประเทศที่ยังให้ตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศอาจยังมีความกังวลเรื่องการระบาดที่ยังไม่จบในพื้นที่

ส่วนในประเทศที่ไม่มีมาตรการตรวจ RT-PCR ก่อนกลับเข้าประเทศขอให้งดเว้นการตรวจการฉีดวัคซีน 2 เข็ม เนื่องจากส่วนใหญ่ในประเทศที่ไม่มีมาตรการเหล่านั้น การระบาดของโรคได้ผ่านพ้นกลายเป็นโรคประจำถิ่นที่ไม่เฝ้าระวังแล้ว อีกทั้งประชากรส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนมากกว่า 2 เข็มแล้ว

ขณะนี้การท่องเที่ยวของประเทศได้ฟื้นกว่าร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งจะเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ เอกชนขอให้ท่านพิจารณาทบทวนมาตรการดังกล่าวเพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่นโดยเร็วที่สุด จักเป็นพระคุณยิ่ง

ขณะที่สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ระบุว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกแนวทางควบคุมผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2566 ทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตได้รับการติดต่อและประสานงานจากผู้ประกอบการนำเที่ยวในหลายประเทศ ซึ่งทุกบริษัทได้แสดงความเป็นกังวลอย่างสูงสุดต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของประเทศไทย ซึ่งสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตได้รวบรวมข้อมูลและความคิดเห็นเพื่อนำส่งให้รัฐบาลใช้ในการประกอบการพิจารณาดังนี้

ความคิดเห็นจากบริษัทนำเที่ยวประเทศอังกฤษ ระบุว่า การประกาศนี้ทำฉุกเฉินเกินไป ควรมีระยะเวลาแจ้งล่วงหน้า เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ได้ออกเดินทางเพื่อไปขึ้นเครื่อง และอาจไม่ได้นำใบรับรองการฉีดวัคซีนมา จึงจะทำให้โดนปฏิเสธการขึ้นเครื่องบินได้ มีความกังวลว่าลูกค้าที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะไม่สามารถเดินทางได้ และบริษัทนำเที่ยวต้องทำการคืนเงินไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลไทย บริษัทนำเที่ยวพยายามหาข้อมูลจาก website ของรัฐบาลแต่ไม่สามารถหาได้

ความคิดเห็นจากบริษัทนำเที่ยวประเทศภาคพื้นสแกนดิเนเวีย ระบุว่า บริษัทนำเที่ยวไม่สามารถแจ้งลูกค้าได้ทันเรื่องการตรวจใบรับรองการฉีดวัคซีน เนื่องจากเป็นการประกาศในวันเสาร์อาทิตย์ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์ มีลูกค้าในประเทศแถบสแกนดิเนเวียที่ไม่ใด้ฉีดวัคซีนที่ซื้อแพคเกจทัวร์แล้ว บริษัทนำเที่ยวต้องหาทางออกให้ลูกค้าโดยการยกเลิกและคืนเงิน ซึ่งเป็นจะทำให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจ

ความคิดเห็นจากบริษัทนำเที่ยวประเทศเยอรมัน ระบุว่า เป็นการออกกฎที่ไม่ควรออก เป็นการสร้างปัญหา และลดความเชื่อมั่นของการท่องเที่ยวไทยอย่างมาก ทันทีที่มีข่าวเรื่องการเปลี่ยนมาตรการการเดินทาง บริษัทได้รับการยกเลิกจากลูกค้าถึงขณะนี้กว่า 1,000 room nights แล้ว ร้อยละ 20 ของประชากรไม่ได้ฉีดวัคซีน กฎนี้จะทำให้คนกลุ่มนี้เดินทางมาประเทศไทยไม่ได้ มาตรการใหม่ของรัฐบาลไทยไม่เข้าข่ายที่นักท่องเที่ยวจะขอคืนเงินจากสายการบินได้หากโดนปฏิเสธการเดินทาง ประเด็นนี้ทำให้เกิดปัญหากับบริษัทนำเที่ยวและลูกค้า จะสร้างความไม่พอใจและกระแสที่ไม่ดีต่อประเทศไทย

ความคิดเห็นจากบริษัทนำเที่ยวประเทศฝรั่งเศส ระบุว่า บริษัทนำเที่ยวมีความไม่พอใจในการเปลี่ยนกฎเนื่องจากระเบียบนี้ไม่เข้าข่ายการคืนเงินของสายการบิน บริษัทนำเที่ยวฝรั่งเศสจะหาทางทำ Force Majeure ในการยกเลิกการเดินทางมาไทย เนื่องมาจากความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลไทย (Thai political instability)

ความคิดเห็นจากบริษัทนำเที่ยวประเทศรัสเชียและ CIS ระบุว่า ทางรัสเชียและ CIS มีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือไม่ได้รับวัคซีนจำนวนหนึ่ง มาตรการที่ได้ประกาศจึงเป็นการสร้างปัญหาต่อการเดินทางเข้าของนักท่องเที่ยวอีกทั้งบริษัทได้มีการขาย แพคเกจล่วงหน้าไปแล้วโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ได้ทำสัญญาเช่าเหมาลำเครื่องบินหรือซื้อจำนวนที่นั่งจากสายการบินไว้ล่วงหน้า การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในลักษณะนี้ เป็นการทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยได้ ซึ่งสร้างความเสียหายและผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมาก

“ทางผู้ประกอบการต้องการได้รับข้อกำหนดและหลักปฏิบัติที่เป็นเอกสารทางราชการ มากกว่าจากข่าวจากสื่อมวลชน ที่อาจจะสร้างความสับสนและเข้าใจผิดได้”

ทางผู้ประกอบการได้รับแจ้งจากสถานฑูตรัสเซียประจำกรุงเทพมหานครว่าประกาศที่ออกมายังไม่เป็นทางการเพราะไม่สามารถหาเอกสารราชการอ้างอิงได้

สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตมีความห่วงใยต่อสถานการณ์เป็นอย่างยิ่งเนื่องจากบริษัทนำเที่ยวต่างๆได้แสดงความไม่พอใจ และนักท่องเที่ยวจำนวนมากจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนกฎการเดินทางในครั้งนี้

ขอความกรุณานายกรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการโดยด่วนที่สุดเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาและหาทางออกให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้จัดทำประกาศนักบิน (NOTAM) เรื่องข้อกำหนดในการเข้าประเทศไทยสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดยจะเริ่มใช้วันที่ 9 ม.ค. 2566 เวลา 08.00 น. ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2566 เวลา 00.59 น.

ทั้งนี้ ข้อปฏิบัติดังกล่าว มี 7 ข้อ ประกอบด้วย

1. ผู้โดยสารอายุมากกว่า 18 ปี ต้องแสดงข้อมูลการได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือจดหมายจากแพทย์ที่รับรองว่าหายจากโรคโควิด-19 แล้วไม่เกิน 6 เดือน (180 วัน) ส่วนผู้โดยสารที่ไม่ได้รับวัคซีน ต้องมีจดหมายจากแพทย์พร้อมแสดงเหตุผล

2. ผู้โดยสารที่มาจากประเทศที่มีมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้ที่ติดโควิด-19 เดินทางกลับเข้าประเทศ จะต้องมีประกันสุขภาพครอบคลุมการรักษาโควิด-19 ตลอดช่วงระยะเวลาเดินทางในประเทศไทยและบวกเพิ่มอีก 7 วัน สำหรับผู้มาประกอบภารกิจรวมถึงลูกเรืออาจจะใช้หนังสือรับรองจากหน่วยงานเจ้าภาพรับรองแทน

3. ผู้โดยสารที่ถือพาสปอร์ตไทย ได้รับการยกเว้นในการตรวจสอบเอกสารการได้รับวัคซีนและเอกสารประกันสุขภาพ

4. ผู้โดยสารที่เปลี่ยนเครื่องหรือต่อเครื่อง ได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบเอกสารการได้รับวัคซีนและเอกสารประกันสุขภาพ โดยผู้โดยสารเหล่านี้ ต้องปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดของประเทศปลายทาง

5. สายการบินต้องตรวจสอบเอกสารตามที่กล่าวมา ถ้าผู้โดยสารไม่สามารถแสดงเอกสารเหล่านี้ได้ สายการบินจะต้องปฏิเสธไม่ให้ผู้โดยสารเดินทาง

6. สายการบินต้องยึดตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องและปฏิบัติตามคู่มือแนวทางตามความเหมาะสม เช่น ขอให้ผู้โดยสารสวมใส่หน้ากากตลอดการเดินทาง ยกเว้นช่วงรับประทานอาหาร หรือในภาวะฉุกเฉิน ฯลฯ และ

7. ผู้โดยสารที่มีอาการของโรคโควิด-19 ระหว่างการเดินทาง จะได้รับการแนะนำให้ทำการตรวจการติดเชื้อ เมื่อเดินทางมาถึงจุดหมาย