นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา “ฝ่าเศรษฐกิจ ปีงูใหญ่ ชวนสร้างไทยให้ยั่งยืน” ในหัวข้อ “จับชีพจรประเทศไทย” จัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ตอนหนึ่งว่าประเทศไทยเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจเติบโตต่ำ มานานกว่า 20 ปีแล้ว ส่วนหนึ่งไม่ได้เป็นปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างเดียวแต่เป็นปัญหาทางการเมืองที่ทำให้ประเทศเสียเวลามา 20 ปี มีการแบ่งสี แบ่งค่าย มุ่งยึดฐานเสียงในทุกรูปแบบ จึงเปิดช่องให้คนมีทุนเข้ามาทำการเมือง กลายเป็นโมเดลธุรกิจการเมือง และไม่มีผู้มีอำนาจตัดสินใจมุ่งยึดฐานเสียง การออกนโยบายระยะสั้น เพื่อหาเสียง ไม่ได้กำหนดนโยบายระยะยาว
หากดูตัวเลข GDP ย้อนหลังของไทย 20 ปี โตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี แต่หลังจากนั้นเริ่มลดลง โดยเฉพาะช่วงหลังเกิดรัฐประหาร เจอวิกฤตโควิด-19 ขณะที่ในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการประเมินตัวเลข GDP โต 1.8% สะท้อนว่าประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ยุคเติบโตต่ำมาเรื่อยๆ 2 % กว่า และในปีนี้ที่ผ่านมาก็ยังไม่รู้กี่เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ตัวเลขจาก กระทรวงการคลังว่า 1.8% ถ้าจีดีพีโต 1.8% คุณต้องเอาน้ำแข็งประคบหัวเลย ฉะนั้นเราจะเห็นเลยว่าประเทศไทยเข้าสู่ยุคของ Low Growth แทบจะ 20 ปีแล้ว ถามว่าทำไมเป็นอย่างนั้น
อดีตรองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าสาเหตุส่วนหนึ่งนั้นมาจากการเมือง มีแต่การออกนโยบายระยะสั้นและการออกนโยบายควิกวิน เพื่อต้องการหาเสียง ไม่ได้กำหนดนโยบายระยะยาวที่สำคัญของประเทศ ขณะที่ไทยต้องพัฒนาโครงสร้างระยะยาวให้ได้ ดังนั้น รัฐบาลต้องหันกลับมามองการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ เพราะที่ผ่านมา ปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้เงินทุนไหลออกนอกประเทศ รวมไปถึงต้องกลับมาโฟกัสการลงทุนขนาดใหญ่ ที่เคยเกิดขึ้นอย่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้เดินหน้า หากของเก่ายังทำไม่ได้ แลนด์บริจด์ที่จะเกิดขึ้นใหม่ก็อาจจะไปไม่รอด หากจะให้ตัวเลข GDP โตขึ้น ต้องเร่งเปลี่ยนเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะเครื่องยนต์เดิมที่ใช้เก่าแล้ว ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล AI และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องทำในขณะนี้คือการฟื้นฟูความเชื่อใจ เชื่อถือ และเชื่อมั่น ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเรื่องของหลักการยุติธรรม ธรรมาภิบาล และความโปร่งใสให้กลับมากับประเทศไทย