ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,367.96 จุด ปรับขึ้น 16.12 จุด หรือ+1.18% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 45,159.93 ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นตามภูมิภาค โดยทำจุดต่ำสุด 1,375.37 จุด และทำจุดสูงสุด 1,386.67 จุด
3 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,029.52 ล้านบาท ปิดที่ 62.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
2. CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,420.51 ล้านบาท ปิดที่ 54.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
3. BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,381.90 ล้านบาท ปิดที่ 140.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนตลาด SET 50 ปิด 847.31 จุด ปรับขึ้น +11.16 จุด หรือ+1.33% มูลค่าการซื้อขาย 23,731.14 ล้านบาท และตลาด mai ปิดที่ 409.01 จุด ปรับขึ้น +1.29 จุด หรือ +0.32% มูลค่าซื้อขาย 1,086.15 ล้านบาท
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ดี สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยเริ่มเห็นสัญญาณบวกมากขึ้น หลังเสร็จสิ้นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งคงดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดไว้ และมีน้ำหนักมากขึ้นที่อาจเห็นการปรับลดดอกเบี้ยลงได้ในเดือนพ.ค.นี้ นักลงทุนจึงเชื่อว่าดอกเบี้ยเฟดได้ผ่านจุดพีคไปแล้ว ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวลง ส่งผลดีต่อต้นทุนของหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ ที่วันนี้ก็ปรับตัวขึ้นมารับกับประเด็นดังกล่าว
อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวต่อเนื่อง จากจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือนม.ค.ที่เพิ่มสูงขึ้น และแนวโน้มในเดือนก.พ. ซึ่งตามสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมักจะสูงกว่าเดือนม.ค. ทำให้เห็นแรงซื้อเข้ามาในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยว อย่าง AOT, CPALL และ BJC เป็นต้น
สัปดาห์หน้าติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และในคืนนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขแรงงานของสหรัฐ หากออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดจะเป็นผลดีต่อตลาด โดยแนวโน้มตลาดฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้น ให้แนวต้าน 1,400 จุด และแนวรับที่ 1,370 จุด
