เครดิต คาร์มา บริษัทบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคลชื่อดังในสหรัฐ เปิดเผยว่า คนอเมริกันมากถึง 27% กลายเป็นมีพฤติกรรมช้อปใช้จ่ายหายนะ (Doom Spending) หรือเป็นภาวะพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินมากกว่าปกติเกินไปท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอนาคตเศรษฐกิจ และสถานการณ์ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดที่ลายล้อมอยู่ ที่น่าสนใจมาก คือ พฤติกรรมนี้เป็นที่พบในกลุ่มคนวัยรุ่นเจน(Z) และรุ่นเจนวาย(Y) มีมากถึง 35% และ 43% ตามลำดับ
ปกติแล้ว เมื่อไรก็ตามที่คนรู้สึกว่าปัจจัยเศรษฐกิจส่วนตัวสั่นคลอน คนเหล่านั้นมักจะถอยห่างออกจากการใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่กลับทำในทางตรงกันข้ามด้วยการใช้จ่ายซื้อสินค้าบริการที่มีราคาสูงมากเกินไปอย่างไม่สนใจอนาคตอีกต่อไป สาเหตุจากคนรุ่นใหม่มองว่า ภาระหนี้สินในการเรียนที่สูงมาก ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นและอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงสูงในโอกาสมีงานทำ ทั้งหมดเป็นข้อจำกัดในการเดินทางไปสู่ความสำเร็จทางการเงิน เช่น มีเงินซื้อเป็นเจ้าของบ้านที่อยู่อาศัย หรือมีเงินเก็บใช้หลังเกษียณแล้ว
เนีย ฮอลแลนด์ อายุ 24 ปี มีรายได้เล็กน้อยจากการทำงานวิจัยในมหาวิทยาลัยในช่วงที่เรียนต่อเพื่อทำปริญญาเอกสาขาการศึกษาและจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ตัดสินใจซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมชาแนล (Chanel) สไตล์ย้อนยุคมาในราคาใบละ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 90,000 บาท ยอมรับว่ารู้ว่าซื้อกระเป๋าใบนี้แล้วทำให้เงินเก็บออมสะสมลดลงไป แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าทำในสิ่งที่ไร้สาระ ในเมื่อความฝันที่ยิ่งใหญ่ของเธอ คือการเป็นเจ้าของบ้าน และแต่งงานมีครอบครัวพร้อมลูกเล็กที่น่ารัก เธอยอมรับว่า จนถึงทุกวันนี้กลายเป็นฝันที่ไกลตัวออกไปเรื่อยๆ สภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในทุกวันนี้ ปัญหาโลกร้อนไปถึงสิ่งแวดล้อมแย่หนักขึ้น ความวุ่นวายถึงระดับรุนแรงทางสังคมและกาีเมืองในหลายพื้นที่ของโลก และความไม่แน่นอนมากมายขึ้นในอนาคต
ช้อปใช้จ่ายหายนะ (Doom Spending) ที่มีขึ้นลงของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการได้รับการสนับสนุนเงินที่เพิ่มขึ้นจากผู้ปกครอง ทุกวันนี้เกือบครึ่งหนึ่งของคนรุ่นใหม่อาศัยอยู่ที่บ้าน บางคนต้องใช้เงินเก็บออมสะสมเพื่ออนาคตมาใช้จ่ายในปัจจุบัน อีกปัจจัยหนี่งที่มีผลต่อพฤติกรรมนี้ คือสื่อโซเชียลมีเดียที่มีคนสร้างเนื้อหาไลฟ์สไตล์ใช้ชีวิตหรูหราทั้งทานอาหารแพง ไปท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวแพง และซื้อสินค้าแบรนด์เนม
แอนเดรียน ซีก้า อายุ 26 ปี อาศัยอยู่ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มาตั้งแต่ปี 2019 จนถึงทุกวันนี้ การมาอยู่นิวยอร์คด้วยความหวังและเป้าหมายที่จะเข้าเรียนต่อในระดับวิทยาลัย มองหางานทำ และมีเงินซื้อบ้านเป็นของตัวเอง แต่ในที่สุด ซีก้ารู้สึกว่าความฝันที่จะมีเงินซื้อบ้านเป็นของตัวเองห่างไกลไปเรื่อยๆ ขณะที่มีความหวังที่เข้าเรียนในระดับวิทยาลัย ซีก้าต้องอยู่กับแม่และถึงแม้จะได้รับเงินสนับสนุนจากแม่
ซีก้าซึ่งทำงานเป็นผู้ช่วยดูแลสุขภาพส่วนบุคคล บอกว่า 30 ปีที่แล้ว ราคาอพาร์ตเมนต์ในย่านเอลม์เฮิรสท์ (Elmhurst) ในนิวยอร์คมีราคาที่ 90,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ทุกวันนี้มีราคาพุ่งไปถึง 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 14.4 ล้านบาทสำหรับห้อง 1 ห้องที่มีเพียง 1 เตียงนอน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นและแทบจะเป็นบ้าไปเลย
ดังนั้น ปัจจุบันซีก้าเปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับอะไรคือสิ่งจำเป็นที่ต้องการในขณะนี้ ได้แก่ สินค้าดูแลบำรุงรักษาผิว เสื้อโค๊ทที่มีคุณภาพดี และกระเป๋าก๊อปแบรนด์เนมหรูยี่ห้อแอร์เมส (Hermès) รุ่นเบอร์กิ้น (Birkin) ขนาด 35 เซนติเมตร ราคาใบละ 1,088 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 39,170 บาท ในที่สุด ซีก้าต้องใช้เงินออมเพื่อฉุกเฉินไปซื้อกระเป๋าของก๊อปแบรนด์เนมเบอเบอร์รี่ (Burberry) ที่อยากได้จากการที่เห็นในหนังซีรีส์ชื่อ ซัคเซสชั่น (Sucession) ในเอชบีโอ
ทั้งนี้ กลุ่มคนเจนซี(Z) เกิดในช่วงปี พ.ศ.2541-2555 มีอายุระหว่าง 12-26 ปี เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายรายล้อมตัว เรียนรู้ไว และกล้าตัดสินใจทำอะไรอย่างรวดเร็ว ส่วนกลุ่มคนเจนวาย(Y) หรืออีกชื่อหนึ่ง คือมิลเลนเนียม เป็นกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523-2540 มีอายุระหว่าง 27-44 ปี เป็นกลุ่มคนที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์-อินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีไอที