ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,385.11 จุด ปรับลง 6.62 จุด หรือ -0.48% มูลค่าการซื้อขาย 36,773.49 ล้านบาท ดัชนีลงมาเคลื่อนไหวแดนลบตลอดทั้งวัน โดยทำจุดต่ำสุด 1,378.76 จุด และทำจุดสูงสุด 1,386.86 จุด
3 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,361.29 ล้านบาท ปิดที่ 153.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
2. KCE มูลค่าการซื้อขาย 1,319.23 ล้านบาท ปิดที่ 40.50 บาท ลดลง 4.50 บาท
3. JMT มูลค่าการซื้อขาย 1,229.16 ล้านบาท ปิดที่ 24.40 บาท ลดลง 0.50 บาท
สำหรับตลาด SET 50 ปิด 850.94 จุด ปรับลง -6.43 จุด หรือ -0.76% มูลค่าการซื้อขาย 20,746.69 ล้านบาท และตลาด mai ปิดที่ 418.94 จุด ปรับลง -0.32 หรือ -0.09% มูลค่าซื้อขาย 2,514.58 ล้านบาท
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาดหุ้นฮ่องกงและจีนที่หยุดไปช่วงตรุษจีนกลับมาเปิดทำการดีดขึ้นมาได้ โดยที่ยังคงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) สหรัฐสูงกว่าตลาดคาด ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond Yield) ปรับเพิ่มขึ้น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงมาก และทำให้นักลงทุนต่างชาติขายออก กดดันตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะแรงขายที่ออกมาจากกลุ่มพลังงาน ไฟแนนซ์ และค้าปลีก รวมถึงหุ้นใหญ่กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวลง มีผลกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้มีโอกาสรีบาวด์ หลังจากรับรู้ปัจจัยเงินเฟ้อสหรัฐไปมากแล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปและดาวโจนส์ฟิวเจอร์สกลับมาเป็นบวกแล้ว แนะจับตาความคืบหน้าจากการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ Digital wallet และติดตามการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในประเทศ ให้แนวต้าน 1,400 จุด แนวรับ 1,800 จุด