นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหารบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2566 มีรายได้จากการขายจำนวน 585,844 ล้านบาท เป็นส่วนของกิจการที่ลงทุนในต่างประเทศร้อยละ 62 กิจการที่ขายในประเทศไทยร้อยละ 32 และรายได้จากการส่งออกจากประเทศไทยร้อยละ 6 โดยรายได้จากการขายรวมลดลงร้อยละ 4.6 จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาสุกรที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นมาก และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่นำมาใช้ในการแปลงค่างบการเงินของบริษัทย่อยต่างประเทศ
“ปี 2566 เป็นปีที่ท้าทายอย่างมาก ต้นทุนด้านต่างๆ ทั้งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ค่าพลังงาน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งกำลังซื้อที่ยังอ่อนตัวในหลายประเทศ ส่งผลให้เกิดภาวะเนื้อสัตว์ล้นตลาดในหลายประเทศ ทำให้ระดับราคาสินค้าไม่สามารถสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาสุกรในประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าเนื้อสัตว์ผิดกฎหมายกดดันราคาอยู่ในระดับที่ต่ำมาก อีกทั้ง ราคาสุกรในประเทศจีนลดลงจากภาวะล้นตลาด ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมในประเทศจีนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย”
นายประสิทธิ์กล่าวว่า จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 5,207 ล้านบาท โดยบริษัทได้ปรับแผนการดำเนินงาน ให้ความสำคัญด้านประสิทธิภาพและการใช้กำลังการผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีแผนกลยุทธ์ระมัดระวังในการลงทุนขยายงานและค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความพึงพอใจของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 พบว่า กำลังซื้อที่ยังไม่มีแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจนในหลายประเทศ และการนำเข้าสุกรที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย ยังคงเป็นความท้าทายของอุตสาหกรรม ผลจากการปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ประกอบกับแนวโน้มราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง รวมทั้งการจำหน่ายเงินลงทุนบางส่วนในประเทศจีนในปีที่ผ่านมา ทำให้เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานของบริษัทปี 2567 จะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาแน่นอน