เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือCPN ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงผลประกอบการปี 2566 โดยในไตรมาส 4 ปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าในทุกๆ กลุ่มธุรกิจ มีรายได้รวมที่ 13,089 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 3,976 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 24 และ 42 จากปีก่อนหน้า ตามลำดับ เมื่อเทียบตรมาส 4 ปี 2562 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 และกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และเมื่อเทียบไตรมาส 3 ปี 2566 มีรายได้รวมเติบโตร้อยละ 7 แต่กำไรก็ลดลงร้อยละ 4 เป็นผลจากต้นทุนด้านการตลาดและการบริหารงานที่กลับเข้าสู่การจัดกิจกรรมในระดับปกติเช่นเดียวกับช่วงก่อนโควิด-19
ทำให้ในปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมและกำไรสุทธิตามงบการเงินสูงสุดเป็นประวัติการ มีรายได้รวมที่ 46,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ26 จากปีก่อนหน้า และกำไรสุทธิ 15,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากปีก่อนหน้า การเติบโตอย่างแข็งแรงของรายได้มีปัจจัยมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าเช่าจากผู้เช่าที่จ่ายค่าเช่าตามสัดส่วนยอดขายแบบมียอดชำระขั้นต่ำ จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศโดยโดยเฉพาะผู้มีรายได้ปานกลางและสูงจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และกิจกรรมระหว่างบริษัทและพันธมิตรคู่ค้าต่างๆ
รวมถึงรายได้จากโรงแรมใหม่เปิดใหม่ 5 โรงแรม การโอนโครงการบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมในครึ่งปีหลังของปี2566 ทำให้บริษัทมีโครงการมิกซ์ยูสเพิ่มอีก 2 โครงการ ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และพระนครศรีอยุธยายังมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการ (ESG Initiative ) ช่วยให้บริษัทสามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมกับการทยอยลดลงของอัตราค่าไฟในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 จาก 5.33 บาทต่อหน่วย เป็น 4.70 บาทต่อหน่วย และ 3.99 บาทต่อหน่วย ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม 2566
อีกทั้งในไตรมาส 4 ปี 2566 บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดตัวศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ เป็นศูนย์การค้าลำดับที่ 40 เป็นโครงการ semi-outdoor ที่ได้รับการรับรองเป็นศูนย์การค้าคาร์บอนต่ำ จุดศูนย์กลางแห่งใหม่ของกรุงเทพฝั่งตะวันตก เป็นต้น
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต บริษัทยังคงผลักดันแผนการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายทางธุรกิจในระยะ 5 ปี ที่จะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยประมาณร้อยละ 10 ในระหว่างปี 2567–2571 อีกทั้งบริษัทวางแผนที่จะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ 5 โครงการ ซึ่งรวมถึงโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ใน 5–10 ปีข้างหน้า โดยตั้งงบลงทุน 121,000 ล้านบาท สำหรับแผนพัฒนาโครงการ 5 ปีข้างหน้า โดยหลักๆงบลงทุนดังกล่าวจะมาจากกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน