นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า “ค่าเงินบาทวันนี้” อยู่ที่ระดับ 35.81 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 35.94 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.55-36.15 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.70-35.95 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควรแต่โดยรวมเป็นการแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในกรอบ 35.78-36.00 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการปรับตัวลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังรายงานดัชนี ISM ภาคการผลิตและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ออกมาแย่กว่าคาด
ขณะเดียวกัน ราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นเร็วและแรง ทะลุโซนแนวต้านระยะสั้น ตามการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 สหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท เราคงมองว่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideways down โดย เงินบาทยังพอได้แรงหนุนบ้าง หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อ หลังปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้านในสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ อาจมีแนวโน้มไหลออกจากตลาดทุนไทย จนกว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยจะจบลง ซึ่งอาจต้องเห็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางสกุลเงินเอเชีย ทั้งเงินหยวนจีน (CNY) และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่ส่งผลต่อเงินบาทพอสมควรในช่วงนี้ จากปัจจัยข้างต้นทำให้เราประเมินว่า โซนแนวรับของเงินบาทอาจอยู่ในช่วง 35.80 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไปแถว 35.50-35.60 บาทต่อดอลลาร์) ส่วนโซนแนวต้านยังคงอยู่ในช่วง 36.15-36.20 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ เงินดอลลาร์อาจแกว่งตัว sideways/sideways down หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน หรือตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง อนึ่งเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นได้ หาก ECB ส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยที่ชัดเจน หรือในกรณีที่บรรยากาศในตลาดการเงินพลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง