ความเคลื่อนไหวราคาทองคำในไทย ล่าสุดตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ปรับราคาเป็นครั้งที่ 4 เมื่อเวลา 12.24 น. ปรับพุ่งขึ้น 600 บาท โดยราคาทองคำแท่งรับซื้อ 35,800 บาท ขายออก 35,900 บาท ส่วนราคาทองคำรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 35,156.04 บาท และขายออกบาทละ 36,400 บาท พุ่งทะยานขึ้นทำสถิติราคาสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยครั้งใหม่ ได้อีกครั้ง
ด้านตลาดทองคำสิงคโปร์ รายงานว่าราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปรับตัวมาอยู่ที่ 2,117 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่ค่าเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐเปิดตลาดในประเทศอยู่ที่ 35.84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
โดยเมื่อช่วงเช้านี้ราคาทองคำไทยเปิดตลาด ปรับราคาครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 9.09 น. ปรับพุ่งขึ้น 450 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดวานนี้ (4 มี.ค.) ทำให้ทองคำแท่งรับซื้อที่บาทละ 35,650 บาท ขายออกบาทละ 35,750 บาท ส่วนราคาทองคำรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 35,004.44 บาท และขายออกบาทละ 36,250 บาท พุ่งทะยานอย่างแรง ทำสถิติราคาสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยครั้งใหม่ไปแล้ว
ด้านตลาดทองคำสิงคโปร์ รายงานว่าราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot เปิดตลาดวันนี้ที่ 2,0112.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่ค่าเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ เปิดตลาดในประเทศอยู่ที่ 35.77 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ราคาทองคำโลกพุ่งแรงต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากแรงหนุนจากเงินดอลลาร์สหรัฐ และการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เฟดจะลดดอกเบี้ย 4 ครั้งเริ่มในเดือน มิ.ย. 67 ส่วนกองทุน SPDR มีการขายทอง 2.3 ตัน
ขณะที่วานนี้ (4 มี.ค.) สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 30.60 ดอลลาร์ หรือ 1.46% ปิดที่ 2,126.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ด้านธนาคารกสิกรไทยรายงานเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.78-35.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.50 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยแม้เงินบาทจะขยับแข็งค่าขึ้น แต่กรอบการแข็งค่าของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัดในระหว่างวันสอดคล้องกับสัญญาณชะลอตัวของฟันด์โฟลว์ในตลาดพันธบัตร และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่ค่าเงินหยวนยังค่อนข้างทรงตัว หลังจากที่ทางการจีนประกาศเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนสำหรับปีนี้ไว้ที่ 5%