นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ผลสำรวจที่อยู่อาศัยในครึ่งหลังปี 2566 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัดใหญ่ ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี และมหาสารคาม พบว่า จำนวนที่อยู่อาศัยที่พร้อมขายมีทั้งสิ้น 13,866 หน่วย รวมมูลค่า 51,714 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารชุด 2,782 หน่วย รวมมูลค่า 8,856 ล้านบาท บ้านจัดสรร 11,084 หน่วย รวมมูลค่า 42,858 ล้านบาท
ขณะที่โครงการใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวน 1,794 หน่วย รวมมูลค่า 9,858 ล้านบาท โดยมีโครงการขายได้ใหม่ 2,213 หน่วย รวมมูลค่า 8,104 ล้านบาท ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 11,653 หน่วย รวมมูลค่า 43,611 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างตลาดที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างขายของ 5 จังหวัดพบว่านครราชสีมา และ ขอนแก่นเป็นจังหวัดที่มีขนาดตลาดเป็นลำดับ 1 และ 2 ในทุกด้าน ดูได้จากจำนวนและสัดส่วนที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่มีการเสนอขายถึง 6,157 หน่วย หรือ 44.4% มูลค่า 26,340 ล้านบาท หรือ 50.9% แต่จังหวัดขอนแก่นเปิดตัวใหม่มากสุด ประกอบด้วย บ้านจัดสรรและอาคารชุดรวม 736 หน่วย รวมมูลค่า 2,195 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 193 หน่วย รวมมูลค่า 1,154 ล้านบาท อาคารชุด 543 หน่วย รวมมูลค่า 1,040 ล้านบาท
นอกจากนี้มีหน่วยขายได้ใหม่สูงสุด 959 หน่วย รวมมูลค่า 2,469 ล้านบาท รองลงมาเป็นจังหวัดนครราชสีมา 841 หน่วย รวมมูลค่า 4,163 ล้านบาท ส่วนอุบลราชธานีมีอัตราดูดซับบ้านจัดสรรสูงสุด และขอนแก่นมีอัตราดูดซับอาคารชุด หรือคอนโดสูงสุด
นายวิชัยกล่าวว่า ที่อยู่อาศัยเหลือขายในครึ่งหลังปี 2566 มีจำนวน 11,653 หน่วย รวมมูลค่า 43,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 18.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มี 5 ทำเล มีหน่วยเหลือขายมากสุดคือ ทำเลจอหอ 1,406 หน่วย รวมมูลค่า 4,490 ล้านบาท เมืองนครราชสีมา 1,034 หน่วย รวมมูลค่า 4,451 ล้านบาท ม.ขอนแก่น 1,023 หน่วย รวมมูลค่า 1,934 ล้านบาท บ้านใหม่-โคกกรวด 980 หน่วย รวมมูลค่า 2,888 ล้านบาท และบ้านเป็ด จ.ขอนแก่น 835 หน่วย รวมมูลค่า 4,097 ล้านบาท สำหรับระดับราคาที่มีหน่วยเหลือขายมากสุด 2-3 ล้านบาท มี 3,591 หน่วย รวมมูลค่า 9,413 ล้านบาท
ส่วนที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ 2,213 หน่วย รวมมูลค่า 8,104 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 1,553 หน่วย รวมมูลค่า 5,917 ล้านบาท และอาคารชุด 660 หน่วย รวมมูลค่า 2,187 ล้านบาท ทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด 5 อันดับแรกคือ ม.ขอนแก่น 525 หน่วย รวมมูลค่า 860.3 ล้านบาท จอหอ 208 หน่วย มูลค่า 706 ล้านบาท หัวทะเล 160 หน่วย รวมมูลค่า 421.5 ล้านบาท บ้านเป็ด จำนวน 140 หน่วย รวมมูลค่า 643.4 ล้านบาท และนิคมลำตะคอง 136 หน่วย รวมมูลค่า 781.4 ล้านบาท
ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ตลาดที่อยู่อาศัยใน 5 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น นครราชสีมามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในปีนี้ อัตราดูซับน่าจะปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้หน่วยเหลือขายลดลง ขณะที่ขอนแก่นการขายน่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในส่วนคอนโดมิเนียม แต่อัตราดูดซับอาจลดต่ำลงเล็กน้อย เพราะมีการเปิดตัวโครงการใหม่เข้ามาสู่ระบบมาก ด้านอุดรธานี ภาพรวมอาจจะไม่ต่างจากปี 2566 แต่อัตราดูดซับน่าจะต่ำเล็กน้อย และตลาดรวมยังคงอยู่ในสภาวะทรงตัว แต่หน่วยเหลือขาย อาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มีอัตราดูดซับลดต่ำลง
ขณะที่อุบลราชธานี น่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปี ก่อน โดยสรุปตลาดภาพรวมภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือยอดขายจะยังคงอยู่ในระดับทรงตัว อาจมีเพียงขอนแก่นที่มีโครงการขนาดใหญ่เข้ามาในพื้นที่จึงมีความต้องการซื้ออาคารชุดมากกว่าจังหวัดอื่น โดยเป็นการซื้อเพื่อการพักอาศัยและการลงทุน