ตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2024 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา สัญญาซื้อขายโกโก้ล่วงหน้าขึ้นมาปิดที่ 8,940 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน หรือกว่า 330,780 บาท/ตัน เพิ่มขึ้น +4.4% ทำสถิติราคาโกโก้ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ในสัปดาห์นี้ ราคาโกโก้ปิดทะยานขึ้น +10% ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีนี้ หรือเริ่มวันที่ 1 มกราคมมาถึงคืนผ่านมา ราคาโกโก้พุ่งสูงถึง 4,740 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน หรือกว่า 175,380 บาท/ตัน เพิ่มขึ้น +112.85% หรือเพิ่มขึ้น 2 เท่าเศษ
สาเหตุที่ผลักดันให้ราคาพุ่งสูงขึ้นมาจากต้นโกโก้ในแหล่งผลิตโกโก้ที่สำคัญของโลก ได้แก่ ประเทศกานาและไอเวอรีโคสต์ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกให้ผลผลิตไม่ดี เป็นผลมาจากสภาพอากาศแห้งแล้งปรากฏการณ์เอลนีโญที่ทำให้อากาศร้อนและภัยแล้งอย่างรุนแรง
ประเทศกานา ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตโกโก้ใหญ่อันดับ 2 ของโลก เปิดเผยว่า ผลผลิตสำหรับฤดูกาล 2023/24 คาดว่าจะอยู่ที่ 475,000-500,000 ตัน ซึ่งลดลงมากเมื่อเทียบกับปีการผลิตก่อนหน้านั้นที่ได้ผลผลิต 655,000 ตัน สอดรับกับผลการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ มีการคาดการณ์ว่าในฤดูกาล 2023/24 ทั่วโลกจะมีการขาดแคลนผลผลิตโกโก้ 375,000 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของคาดการณ์ในการสำรวจเมื่อเดือนสิงหาคม 2023 สะท้อนถึงภาวะผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
เมื่อราคาโกโก้ตลาดโลกสูงขึ้นเป็นประวัติศาสตร์ ย่อมส่งผลกระทบต่อทั้งธุรกิจและผู้บริโภค ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือบริษัทผลิตช็อกโกแลตไม่าจะเป็นรายใหญ่หรือรายเล็กที่ต้องใช้โกโก้เป็นวัตถุดิบหลัก เช่น เฮอร์ชีย์ (Hershey) หนึ่งในผู้ผลิตช็อกโกแลตรายใหญ่ที่สุดของโลก เปิดเผยว่า คาดว่าราคาโกโก้ที่ทำสถิติแพงเป็นประวัติศาสตร์จะจำกัดการเติบโตของรายได้ของบริษัทในปี 2024 นี้
ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ เฮอร์ชีย์ กล่าวว่า ไม่ได้ปฏิเสธว่าบริษัทจะไม่ขึ้นราคาขาย เราไม่สามารถพูดถึงการกำหนดราคาในอนาคตได้ หากพิจารณาจากราคาโกโก้ เราจะใช้เครื่องมือทุกอย่างที่เรามี รวมถึงการกำหนดราคาตามวิธีการจัดการธุรกิจ
ทั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ผ่านมา ราคาโกโก้ล่วงหน้าขึ้นสูงสุดที่ตันละ 5,874 ดอลลาร์ หรือประมาณ 210,679 บาท เพิ่มขึ้นมาประมาณ 90% นับจากต้นปีที่ 2023
