ดรากอน เทรล อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยผลสำรวจรายงานชื่อว่าความรู้สึกนักท่องเที่ยว ชาวจีน หรือ Chinese Travelers Sentiment เดือนเมษายนปี 2024 ซึ่งเป็นการสำรวจครั้งที่ 10 ในช่วงระหว่าง 6-19 มีนาคม กับผู้ตอบจำนวน 1,015 คน พบว่า ชาวจีนมีความต้องการอยากจะเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อนในเดือนสิงหาคมในปี 2023 ผ่านมา ส่งผลให้คาดว่าภายในสิ้นปี 2024 นี้ จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนท่องเที่ยวในต่างประเทศอาจจะฟื้นตัวสมบูรณ์แบบกลับไปเหมือนก่อนช่วงเกิดโรคโควิด-19 โดยการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกในปี 2024 นี้ จะมีการสร้างมูลค่ามากถึง 11.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 410.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากในปี 2019 ที่มีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 370 ล้านล้านบาท
ด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน หรือซีทีเอ (CTA) เปิดเผยว่าได้คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเดินทางไปเที่ยวในต่างประเทศปีนี้อยู่ที่ 130 ล้านคน หรือคิดเป็น 84% ของในช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 โดยในปี 2019 พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศ 155 ล้านคน ใช้จ่ายเงิน 253 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 9,361 ล้านบาท
ประเทศจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการวีซ่าฟรีกับประเทศจีน หรือรับวีซ่าอิเล็กทรอนิกส์เมื่อเดินทางถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ภูมิภาคตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชาวจีนในปีนี้ ผลสำรวจดังกล่าว พบว่า 181 คนจีนของผู้ตอบแบบสอบถามนี้ ได้จองการเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศในปีนี้แล้ว โดยมี 94% ที่จองเดินทางไปต่างประเทศมากกว่าหนึ่งประเทศ มี 16% ที่จองเดินทางไปเที่ยวในยุโรป
นักท่องเที่ยวชาวจีนยังคงมองเรื่องของการช้อปปิ้งซื้อสินค้าเป็นหนึ่งในปัจจัยของการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ มีเกือบ 1 ใน 4 เปิดเผยว่าได้จัดงบประมาณตั้งแต่ 5,000 ถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 185,000 ถึง 370,000 บาท ต่อการเดินทางท่องเที่ยว โดยมี 16% ระบุว่าจะใช้จ่ายมากกว่าเดิม