อาลีบาบา (Alibaba) กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี และอีคอมเมิร์ซชื่อดังระดับโลกจากจีน เปิดเผยว่า เตรียมจัดเงินลงทุนตั้งศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center เป็นแห่งแรกในประเทศเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนเบื้องต้นไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 37,000 ล้านบาทขึ้นไป ขณะที่ในปัจจุบัน อาลีบาบาใช้วิธีการเช่าพื้นที่จากรัฐวิสาหกิจโทรคมนาคมในเวียดนามเพื่อตั้งเครือข่ายข้อมูลของอาลีบาบาด้วยการมีโครงข่ายเครื่องเซิร์ฟเวอร์จากเวียทเทล (Viettel) และวีเอ็นพีที (VNPT)
ดั่ง มินท์ถั่ม หัวหน้าสถาปนิกโซลูชั่น สายงานธุรกิจบริหารจัดการข้อมูลระบบคลาวด์ อาลีบาบา กล่าวว่า ทุกวันนี้ อาลีบาบาใช้รูปแบบเช่าพื้นที่จากผู้ประกอบการศูนย์ข้อมูลในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็น 2 รัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมของเวียดนาม เพื่อจัดเก็บข้อมูลภายในประเทศเวียดนาม แต่มีการเก็บข้อมูลสำรองไว้ในต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน และสิงคโปร์ด้วย
สาเหตุการตัดสินใจทุ่มเงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 37,000 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลอาลีบาบาเป็นของตัวเองในเวียดนามครั้งนี้ เนื่องจากความต้องการใช้ข้อมูลในเวียดนามเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เศรษฐกิจเวียดนามเป็นหนึ่งประเทศอันดับต้นๆที่มีภาวะเศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็วในทวีปเอเชีย เวียดนามมีศักยภาพใหญ่โตมากในด้านตลาด มีโอกาสและพื้นที่ให้ธุรกิจยังเติบโตได้รวดเร็ว
เวียทเทล เปิดเผยการคาดการณ์ว่าธุรกิจศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคอาเซียนจะเติบโตถึงปีละ 15% ซึ่งมาจากปัจจัยสำคัญหลายอย่าง เช่น ในประเทศเวียดนาม รัฐบาลกลางได้ดำเนินการปฏิรูปกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ หลังจากในช่วงหลายปีผ่านมา รัฐบาลเวียดนามมองว่าการปกป้องข้อมูลภายในประเทศเป็นสิ่งสำคัญกับความมั่นคงของประเทศ แต่ในเมื่อโลกเปลี่ยนไป และกลับกลายเป็นโอกาสสำคัญในการเปิดประตูรับการลงทุนจากบริษัทชั้นนำยักษ์ใหญ่ทั่วโลกในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีซอฟท์แวร์ และศูนย์ข้อมูล จึงทำให้มีการทบทวนกฎหมายและเกิดการปฏิรูปกฎหมายดังกล่าว
นายสัตยา นาเดลลา ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอของไมโครซอฟท์ เดินทางถึงประเทศอินโดนีเซียเมื่อวานนี้ และเปิดแถลงในงานไมโครซอฟท์ เดย์ ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ว่า ไมโครซอฟท์จะใช้งบประมาณใน 4 ปีข้างหน้าที่ 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 63,750 ล้านบาทลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับเครือข่ายเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอในประเทศอินโดนีเซีย ส่งผลให้เป็นการลงทุนที่มีมูลค่าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 29 ปีของบริษัทไมโครซอฟท์ที่เปิดมาในประเทศอินโดนีเซีย
ก่อนหน้านี้ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอไมโครซอฟท์ประกาศมาแล้วว่า ศูนย์ข้อมูลภายใต้สายงานธุรกิจแพลทฟอร์มบริหารจัดการข้อมูลระบบคลาวด์ของไมโครซอฟท์ที่มีชื่อว่า อาซูร์ (Azure) จะเกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย ส่งผลให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ข้อมูลราว 300 แห่งทั่วโลก และมีมากกว่าใน 60 ภูมิภาคทั่วโลกของไมโครซอฟท์
