ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 37,815 จุด -570 จุด หรือ -1.49% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,035 จุด -87 จุด หรือ 1.57% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 15,657 จุด -325 จุด หรือ -2.04% ส่งผลในเดือนเมษายนผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดร่วง -5%, -4% และ -4% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดรายเดือนทำสถิติเลวร้ายที่สุดในรอบ 1 ปี 7 เดือน หรือตั้งแต่กันยายนปี 2022
สาเหตุจากดัชนีต้นทุนการจ้างงานไตรมาสที่ 1 ในสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก หนุนส่งผลตอบแทนพันธบัตรรัฐสหรัฐอายุ 10 ปี ปิดพุ่งขึ้นในระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2023 เป็นต้นมา และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.3% นักลงทุนรอผลการประชุมดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ที่จะมีขึ้น 2 วันติดกันในวันที่ 30 เมษายนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม และรอประกาศตัวเลขการจ้างงานชายอเมริกันนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักลงทุนทบทวนจำนวนครั้งที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงในปีนี้มาเหลือเพียง 1 ครั้ง โดยลดลง 0.25% จากที่เคยประเมินช่วงต้นปีนี้ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยมากถึง 4-5 ครั้ง
ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนมิถุนายน ปี 2024 อยู่ที่ 21% จากเดิมที่ระดับ 50% ขณะที่โอกาสดังกล่าวที่จะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 71%
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ