ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ขนาดดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน และมีแนวโน้มขยายตัวสูง จากความต้องการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ของผู้ประกอบการระดับโลกและท้องถิ่น โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ขนาดดาต้าเซ็นเตอร์ต่อจำนวนประชากรในไทยเติบโตไปแล้วกว่าร้อยละ 54 โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินธุรกิจมากขึ้นและการเข้ามาลงทุนของผู้ประกอบการระดับโลกที่ต้องการลดการพึ่งพาฮับดาต้าเซ็นเตอร์เดิมอย่างสิงคโปร์ ซึ่งกำลังเผชิญข้อจำกัดด้านพื้นที่และความไม่เพียงพอของพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์
หากเทียบขนาดดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยกับเพื่อนบ้าน พบว่า ไทยอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน และมีการขยายตัวสูงเป็นรองแค่มาเลเซีย ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยในการดึงดูดการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ โดยมาเลเซียมีความได้เปรียบไทยในหลายด้าน ทั้งด้านอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการดำเนินธุรกิจ โดยพบว่าค่าไฟฟ้าเฉลี่ยของประเทศมาเลเซียอยู่ที่ 3.74 บาทต่อหน่วยในขณะที่ประเทศไทยมีค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสูงกว่าอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย
จำนวนสายเคเบิ้ลใต้น้ำที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างภูมิภาคที่มากกว่า โดยพบว่า มาเลเซียมีสายเคเบิลใต้น้ำ 20 เส้นซึ่งมากกว่าประเทศไทยถึง 12 เส้น และสัดส่วนประชากรที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นฐานของผู้ใช้บริการดิจิทัลที่มากกว่า พบว่า มาเลเซียมี 96.8% เข้าถึงอินเทอร์เน็ตซึ่งสูงกว่าประเทศไทยที่มี 89.5% ที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ต
ในระยะข้างหน้า ไทยน่าจะยังคงสามารถดึงดูดการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ 1.ความต้องการดาต้าเซ็นเตอร์จากภาคธุรกิจไทยที่กำลังขยายตัว 2.ปริมาณไฟฟ้าสำรองของไทยที่อยู่ในระดับสูงมากกว่าร้อยละ 30 และ 3.นโยบายส่งเสริมการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ของภาครัฐ
ทั้งนี้ ในช่วงปี 2567–2570 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าไทยน่าจะสามารถดึงดูดการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ได้เป็นมูลค่าราว 7.8 พันล้านดอลลาร์ฯ โดยเป็นรองแค่มาเลเซียที่คาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนสูงกว่าไทยราว 3 เท่า ภายใต้กระแสการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ที่ผลักดันให้ไทยเป็นฮับแห่งหนึ่งของภูมิภาค น่าจะหนุนให้มูลค่าตลาดบริการดาต้าเซ็นเตอร์ไทยเติบโตก้าวกระโดดตามแนวโน้มความต้องการในตลาดอาเซียนที่กำลังขยายตัว โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ตลาดบริการดาต้าเซ็นเตอร์ไทยน่าจะเติบโตเฉลี่ยกว่าร้อยละ 31.2 ต่อปี ขณะที่มาเลเซียน่าจะเติบโตราวร้อยละ 36.8 ในระยะ 4 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ ธุรกิจศูนย์ข้อมูล หรือดาต้าเซ็นเตอร์ในกลุ่มประเทศอาเซียน พบว่า จากเกณฑ์สัดส่วนขนาด ศูนย์ข้อมูล จำนวนประชากร ทำให้ห้าอันดับแรกได้แก่ อันดับ 1. สิงคโปร์ 143 อันดับ 2 มาเลเซีย 4.9 อันดับ 3 ไทย 1.1 อันดับ 4 เวียดนาม 0.3 อันดับ 5 อินโดนีเซีย 0.2