นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงหัวเรือใหญ่ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อีกครั้งในช่วงรอยต่อช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) ต้องบอกว่าไม่ได้มีความกังวลใจอะไร โดยประเด็นที่ต้องการฝากไว้ มี 3 เรื่อง ได้แก่
1. กระบวนการส่งต่องานระหว่างรัฐมนตรี ว่าจะมีความต่อเนื่องมากน้อยเท่าใด
2. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอยู่ ถือว่าไม่ได้มีความถนัดเรื่องท่องเที่ยวโดยตรง อาจต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวและปรับตัวสักระยะ จึงต้องดูว่าทีมงานของรมว.ใหม่จะใช้เวลามากเท่าใด เพราะท่องเที่ยวมีการเปลี่ยนแปลงแทบทุกวัน ตลาดมีการแข่งขันสูงกว่าเดิมด้วย
และ 3.การจัดตั้งพื้นที่ทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนอย่างแท้จริง ในระดับผู้บริหาร เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงมอนิเตอร์สถานการณ์ท่องเที่ยวให้เท่าทันด้วย ซึ่งจะสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล นำเสนอแนวทางปฏิบัติได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น
ทั้งนี้ การตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคจากนายกรัฐมนตรี มองว่าการตั้งเป้าหมายใหญ่ขนาดนี้ เดิมนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แทนนั้น ก็ใช้เวลาในการเรียนรู้ศึกษางานท่องเที่ยวกว่า 5-6 เดือน ทำให้เมื่อมีการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ต้องมาพิจารณาว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับท่องเที่ยวมีการเตรียมงานไปถึงไหนแล้ว รวมถึงรมว.เสริมศักดิ์ มีการเตรียมทีมงานรองรับงานในการท่องเที่ยวและเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างไร ซึ่งส่วนนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ชัดเจนว่าจะดีขึ้นมากน้อยเท่าใด เนื่องจากยังไม่เห็นกระบวนการทำงาน การปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะส่งผลต่อเป้าหมายใหญ่ให้ล่าช้าหรือไม่ ก็ยังคาดการณ์ไม่ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ประเมินภาคการท่องเที่ยวไทย หลังจากผ่านมา 4 เดือนแรกของปี 2567 แล้ว มองว่าสัญญาณการฟื้นตัวมีความชัดเจนมากขึ้น ดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 35 ล้านคน มองว่าทำได้แน่นอน และมีความเป็นไปได้สูงที่เกินเป้าไปถึง 38 ล้านคนได้ แต่เป้าของนายกรัฐมนตรีที่ 40 ล้านคน อาจต้องประเมินสถานการณ์ตลาดครึ่งปีหลังร่วมด้วย แต่จากการหารือกับหลายตลาดก็มองว่าครึ่งปีหลังจะดีขึ้นอีก ทั้งสายการบินที่เริ่มฟื้นกลับมา นโยบายยกเว้นวีซ่าในหลายประเทศเป้าหมายที่รัฐบาลทำอยู่ ส่งผลเชิงบวกต่อการทำตลาดที่ชัดเจนมากขึ้น