นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท. ) และนางสาวนิภา นิรันดร์นุต กงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ ร่วมเป็นประธานพิธีเปิดคูหาประเทศไทยภายในงาน Arabian Travel Market (ATM) 2024 มหกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่กำหนดจัดขึ้นวันที่ 6-9 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์แสดงสินค้า Dubai World Trade Centre เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยในปีนี้ ททท. นำคณะผู้ประกอบการไทยกว่า 64 หน่วยงาน บุกงาน Arabian Travel Market (ATM) 2024 พร้อมเจรจาพันธมิตรทางธุรกิจส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ ชูจุดเด่นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพควบคู่การขายกิจกรรมท่องเที่ยวตามความสนใจหลากหลาย และเปิดตัวแคมเปญ “Your Stories Never End” โดยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า งาน Arabian Travel Market (ATM) 2024 เป็นงานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคตะวันออกกลาง และเป็นงานส่งเสริมการขายทางการที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก โดยในปีนี้เป็นการจัดงานครั้งที่ 31 และเป็นปีที่ 24 ที่ประเทศไทยเข้าร่วมงาน โดยกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 6 – 9 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การจัดแสดง Dubai World Trade Center เมืองดูไบสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ภายในงานได้มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกรวมไปถึงองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติเข้าร่วมงาน
สำหรับคูหาประเทศไทยในปีนี้ ททท. ได้สำรองพื้นที่ขนาด 303.75 ตารางเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้สามารถรองรับผู้ขายได้เพิ่มมากขึ้น โดยนำเสนอประเทศไทยผ่านการนำหน้าจั่วของปราสาทพระเทพบิดรอันเป็นสถาปัตยกรรมที่สำคัญภายในวัดพระศรีรัตนศาสดารามมาเป็นต้นแบบของโครงสร้างคูหาฯ เป็นอัตลักษณ์สำคัญที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล อีกทั้งได้นำเอาสีฟ้า สีน้ำเงิน และสีขาว จากกระเบื้องเคลือบประดับผนังภายในวัดฯ มาเป็นสีโทนหลัก ตัดสลับกับไม้สีโทนอ่อนที่แสดงถึงความอบอุ่น และสีทองที่แสดงถึงความหรูหรา
ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานในปีนี้ ททท. ได้นำสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม บริษัทนำเที่ยว สายการบิน และธุรกิจบริการท่องเที่ยวอื่นๆ รวมถึงได้ดำเนินงานร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเปิดรับสมัครผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยเข้าร่วมงาน รวม 64 หน่วยงาน (หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 18 หน่วยงาน) มาเสนอขายสินค้าและบริการในฐานะผู้ขาย (Exhibitor หรือ Seller) พร้อมได้จัดพื้นที่สำหรับการประชาสัมพันธ์ ตลอดจนพบปะเจรจากับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่มาร่วมงานในฐานะผู้ซื้อ (Trade Visitor หรือ Seller)
ในโอกาสเดียวกันนี้ ททท. ยังได้ดำเนินภารกิจด้านความร่วมมือทางการตลาดกับหน่วยงานเอกชนในพื้นที่ อีกทั้ง ททท. ยังได้ร่วมพิธีลงนาม Strategic Partnership Agreement ร่วมกับ Esaad Card เพื่อทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในกลุ่ม Dubai Police และ dnata Travel Group ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านบริการทางการท่องเที่ยว ในการทำ joint promotion และส่งเสริมนักท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวกลุ่มความสนใจต่างๆ ในกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council: GCC)
ทั้งนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีความสำคัญและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทย 867,674 คน โดยมีนักท่องเที่ยวหลักเข้ามาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (180,000 คน) และซาอุดีอาระเบีย (130,000 คน) ทั้งยังมีตลาดเกิดใหม่ เช่น โอมาน คูเวต บาห์เรน และกาตาร์ ที่มีศักยภาพเติบโตต่อไปได้ดี
ทั้งนี้ ในปี 2567 ททท. จะมุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health & Wellness tourism) ของประเทศไทยที่มีทั้งความพร้อม ความเชี่ยวชาญ และการบริการที่ดี จากสถานประกอบการด้านสุขภาพมาตรฐานระดับนานาชาติในประเทศไทยกว่า 300 แห่ง รวมถึงนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรม แหล่งช้อปปิ้ง และจุดหมายปลายทางใหม่ที่นักท่องเที่ยวยังไม่เคยพบเห็น โดย ททท. คาดการณ์ว่าตลอดปี 2567 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางมาท่องเที่ยวไทยมากกว่า 1.1 ล้านคน และสร้างรายได้มากกว่า 1 แสนล้านบาท