บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL หรือ บริษัทฯ) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปีนี้ พบว่าบริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 6,319 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.3% เทียบจากไตรมาสเดียวกันของปี 2566
ผลการดำเนินงานในรายละเอียด พบว่า รายได้รวมในไตรมาส 1 ปี 2567 ทั้งสิ้นรวม 241,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ตามการบริโภคภายในประเทศที่ยังมีการขยายตัว ซึ่งขับเคลื่อนโดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ และการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงต้นปีที่สร้างบรรยากาศที่ดีในการจับจ่ายใช้สอย
ด้านกำไรขั้นต้นในไตรมาส 1 ปี 2567 เท่ากับ 52,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ผลจากรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้น การส่งมอบสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในงบการเงินรวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 22.3% จาก 21.7% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ และกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2567 มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จำนวน 12,846 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจ และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้บริษัทฯ มีต้นทุนทางการเงินลดลงจากการออกหุ้นกู้เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมก่อนกำหนด เมื่อปีก่อนของ บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า เพื่อลดต้นทุนและความเสี่ยงในการบริหารค่าใช้จ่ายทางการเงิน ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 6,319 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สำหรับกำไรต่อหุ้นตามงบการเงินรวมในไตรมาส 1 ปี 2567 มีจำนวนเท่ากับ 0.69 บาท
ร้านสะดวกซื้อในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อเปิดร้านสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 185 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 14,730 สาขา แบ่งเป็น ร้านสาขาบริษัท 7,485 สาขา(51%) ร้านเปิดใหม่สุทธิ 149 สาขาในไตรมาสนี้ ร้าน SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 7,245 สาขา(49%) ร้านเปิดใหม่สุทธิ 36 สาขาในไตรมาสนี้
ร้านสาขาส่วนใหญ่ยังเป็นร้านที่ตั้งเป็นเอกเทศ ซึ่งประมาณ 86% ของสาขาทั้งหมด และส่วนที่เหลือเป็นร้านในสถานีบริการน้ำมันปตท. ในไตรมาส 1 ปี 2567 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 105,861 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในไตรมาสนี้มียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันเท่ากับ 82,619 บาท และยอดขายเฉลี่ยของร้านสาขาเดิมเพิ่มขึ้นเท่ากับ 4.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดซื้อต่อบิลโดยประมาณ 85 บาท ในขณะที่จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 972 คน ทั้งนี้ลูกค้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในไตรมาส 1 ปี 2567 สัดส่วนของรายได้จากการขาย พบว่า 75.2% มาจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และ 24.8% มาจากสินค้าอุปโภค ซึ่งสัดส่วนรายได้ในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มสินค้าอุปโภคนั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับปี 2566
ในไตรมาส 1 ปี 2567 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีกำไรขั้นต้นจำนวน 30,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 3,950 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14.9% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 28.7% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2566 ที่อัตราส่วน 27.9% สาเหตุหลักมาจากการปรับกลยุทธ์ด้านสินค้าตามที่กล่าวมาข้างต้น รวมถึงให้ความสำคัญต่อการบริหารอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าโดยพยายามเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังมีรายได้อื่นอีกจำนวน 6,236 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 518 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากรายได้จากการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของสาขา รายได้ค่าสิทธิ และที่เกี่ยวข้องกับการให้สิทธิในการบริหารร้าน 7-Eleven และอื่นๆ ในส่วนของต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหาร ในไตรมาส 1 ปี 2567 มีจำนวน 29,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2,499 ล้านบาท หรือ 9.1% สาเหตุหลักมาจากเงินเดือนและสวัสดิการพนักงาน และค่าบริหารร้านสาขา ในขณะที่ค่าไฟเริ่มปรับตัวลดลงจากค่าไฟต่อหน่วยที่ปรับลดลง และการบริหารการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัทฯ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม และให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ถึงแม้ว่าจะมีการปรับขึ้นของค่าใช้จ่ายบางประเภท บริษัทฯยังคงขยายสาขาร้าน 7-Eleven ตามแผน และมีการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินค้าและบริการสำหรับลูกค้า ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังคงรายงานกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9,314 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 6,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สำหรับกำไรต่อหุ้นตามงบการเงินเฉพาะกิจการในไตรมาส 1 ปี 2567 มีจำนวนเท่ากับ 0.68 บาท