นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงานเปิดเผยหลังการหารือร่วมกับตัวแทนสภาหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยว่า จากการหารือผู้แทนแต่ละฝ่ายเห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท แต่ไม่เห็นด้วยที่จะให้ขึ้นทั่วทั้งประเทศพร้อมกัน เพราะบางกิจการจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น จนทำให้ธุรกิจมีปัญหาได้ เช่นกลุ่มเอสเอ็มอี ร้านขายของชำต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคี ที่จะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) โดยจะโฟกัสเป็นบางประเภทกิจการ และจะให้ทางอนุกรรมการจังหวัดไปพิจารณากรอบแนวทางการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละจังหวัด เพื่อนำเข้าสู่คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาต่อไป
ด้านนายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ กรรมการสภาหอการค้ากล่าวว่าเห็นด้วยกับการยกระดับรายได้ให้แรงงาน แต่ขอให้ฟังจากหลายฝ่าย ซึ่งถ้าถามผู้ประกอบการหากขึ้น 400 บาททั้งประเทศกว่า 80% จะอยู่ไม่ได้ คนที่กระทบหนักคือชาวบ้าน พ่อค้า แม่ค้า ก่อสร้าง ค้าปลีก ค้าส่ง และถือเป็นครั้งแรกที่หอการค้าทั้ง 76 จังหวัด สมาคมการค้า 92 สมาคม ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานและผู้ประกอบการรายย่อยกว่า 1.5 หมื่นแห่ง ยื่นค้านพร้อมกันโดยยืนยันให้ปรับตามกลไกคณะกรรมการไตรภาคีและอนุระดับจังหวัด
เช่นเดียวกับนายสุชาติ จันทรานคราช รองประธานสภาอุตสาหกรรมกล่าวว่า ในปีนี้ปรับค่าจ้างแล้ว ถึง 2 ครั้งแล้ว และจะมีครั้งที่ 3 ในเดือนตุลาคมนี้เห็นว่าไม่สมเหตุสมผลตามดัชนีชี้วัด แต่ก็พร้อมจะหารือ เพื่อให้การปรับค่าจ้างเป็นธรรม เพราะถ้าผู้ประกอบการอยู่ไม่ได้ ลูกจ้างก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน