อันเดอร์ อาร์เมอร์ (Under Armour) แบรนด์เสื้อผ้ากีฬาและออกกำลังกายชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า ยอดขายของตลาดอเมริกาเหนือซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของอันเดอร์ อาร์เมอร์ ตกต่ำมากถึง -10% เหลือเพียง 772 ล้าน ฃดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 28,564 ล้านบาท จากที่คาดว่าจะอยู่ที่ 780 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 28,860 ล้านบาท ที่สำคัญยังได้รับการคาดการณ์ว่า ยอดขายในตลาดอเมริกาเหนือจะยังคงซบเซาและชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้ในปีงบประมาณปัจจุบัน โดยจะลดลงระหว่าง -15% ถึง -17% สำหรับผลกำไรพบว่าต้องเผชิญอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่เนื่องจากมีกำไรตกต่ำลงกว่า -96% ในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2022
สอดรับกับรายได้สุทธิของบริษัทในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ พบว่าตกต่ำลงเหลือเพียง 6.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 244.2 ล้านบาท ซึ่งลดต่ำลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้วที่มีรายได้สุทธิ 170.6 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6,312 ล้านบาท รวมถึงตัวเลขยอดขายในภาพรวมลดลงเหลือเพียง 1,330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 49,210 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านไปที่มียอดขายในภาพรวมอยู่ที่ 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 51,800 ล้านบาท
ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ นายเควิน แพลงค์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นและแนวโน้มการคาดการณ์ที่เป็นไปในทางลบ ทำให้อันเดอร์ อาร์เมอร์ จำเป็นต้องตัดลดค่าใช้จ่ายซึ่งจะมีการปลดพนักงานจำนวนมาก อย่างไรก็ตามไม่ได้ระบุจำนวนพนักงานที่ตกงานออกมาอย่างชัดเจน ทำให้บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นจากการปลดพนักงานระหว่าง 70 ถึง 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,590-3,330 ล้านบาท
ซีอีโอ นายเควิน แพลงค์ กล่าวยอมรับว่า ปัจจัยลบส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานให้ออกมาย่ำแย่ล้วนมีหลากหลายอย่างเช่น ความซบเซาในตลาดขายส่งเสื้อผ้ากีฬา ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงต้นทุนทางการเงินของผู้บริโภคอยู่ในระดับสูง การแข่งขันที่มีสูงและเข้มข้นทั้งในช่องทางดั้งเดิมและช่องทางออนไลน์