นักลงทุนทำกำไรช่วงสั้นทันที หลัง 3 ดัชนีหุ้นในสหรัฐปิดสูงเป็นประวัติศาสตร์รอบใหม่

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 39,869 จุด -38 จุด หรือ -0.10% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,297 จุด -11 จุด หรือ -0.21% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 16,698 จุด -44 จุด หรือ -0.26% ส่งผลดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดหลุดจากสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ด้านดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ไม่สามารถปิดเหนือระดับ 5,300 จุดต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ที่ปิดเป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์

ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +2.16%, +1.85% และ +1.14% ตามลำดับ ในเดือนเมษายนผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดร่วง -5%, -4% และ -4% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบ 5 เดือน หรือตั้งแต่ธันวาคม 2023 และยังปิดขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน

สาเหตุจากนักลงทุนทำกำไรช่วงสั้นทันที หลังจากเมื่อวานนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ นอกจากนี้ ในทางเทคนิค พบว่า ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ขึ้นสูงสุดระหว่างวันที่ 40,000 จุดเป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ แต่ไม่สามารถผ่านแนวระดับดังกล่าวได้ ด้านตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของผู้บริโภคในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยกว่าในเดือนมีนาคมและกุมภาพันธ์ที่เพิ่มขึ้น 0.4% นอกจากนี้ เงินเฟ้อในเดือนเมษายนดังกล่าวเพิ่มขึ้นไม่ถึงที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.4% สะท้อนถึงเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดต่ำลงในช่วงต้นไตรมาสที่ 2 ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่า และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นอายุ 10 ปี ปิดเพิ่มขึ้น

ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนกันยายนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 71%

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles