ศูนย์วิจัย กสิกรไทย เปิดเผยว่า ดัชนี หุ้นไทย เคลื่อนไหวกรอบแคบๆ ในช่วงต้นสัปดาห์เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด ก่อนจะปรับตัวลงในช่วงกลางสัปดาห์ตามแรงขายของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ของกลุ่มค้าปลีกและพลังงานออกมาน่าผิดหวัง รวมถึงมีแรงขายหุ้นบิ๊กแคปกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และไฟแนนซ์ ซึ่งถูกคัดออกจากการคำนวณในดัชนี MSCI (มีผลวันที่ 31 พ.ค.นี้) นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากรายงานข่าวที่ว่าสหรัฐฯประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนหลายรายการ
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้ในเวลาต่อมาตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ซึ่งชะลอตัวลง ส่งผลให้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาสมากขึ้นที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือนก.ย.นี้ หุ้นไทยขยับขึ้นต่อในช่วงปลายสัปดาห์ นำโดย หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากปัจจัยเฉพาะตัว
ในวันศุกร์ที่ 17 พ.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,382.68 จุด เพิ่มขึ้น 0.79% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,979.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.73% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.49% มาปิดที่ระดับ 384.27 จุด
สำหรับในสัปดาห์นี้ (20-24 พ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,370 และ 1,360 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,390 และ 1,400 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ บันทึกการประชุมเฟด ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนพ.ค. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนพ.ค. ของยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนพ.ค.ของจีน และอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่น