นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดการสัมมนาจัดการทดสอบความสนใจจากภาคเอกชน (Market Sounding) โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยกับอันดามัน (Landbridge) หรือ แลนด์บริดจ์ ซึ่งการรับฟังความเห็นครั้งนี้ จะนำไปสู่การปรับปรุงกฎหมายที่กำลังร่างอยู่คือ ร่างพ.ร.บ.ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC)
ทั้งนี้ นอกจากการผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์แล้ว ในอีกด้านหนึ่งจะต้องผลักดันร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) คู่ขนานกันไปด้วย ซึ่งตามไทม์ไลน์กระทรวงคมนาคมจะประชุมเพื่อสรุปร่างทั้งหมด เพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในช่วงเดือน ก.ย. 2567 นี้ จากนั้นจะวางกรอบเวลาในการเสนอไปที่สภาผู้แทนราษฎร (สส.) พิจารณาทั้ง 3 วาระ ซึ่งในขั้นตอนนี้จะเวลาอย่างน้อย 1 ปีในการจัดตั้ง SEC ซึ่งจะทันกับการประมูลโครงการแลนด์บริดจ์เฟสแรกในช่วงปลายปี 2568
ในงบประมาณปี 2568 สนข.เตรียมขอจัดสรรงบประมาณในการจ้างที่ปรึกษาในการจัดทำร่าง TOR โครงการแลนด์บริดจ์ในระยะที่ 2 ซึ่งกระแสตอบรับจากประเทศต่างๆ หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นำโครงการไปโรดโชว์นั้น เบื้องต้นแต่ละประเทศที่ไปยังไม่ได้ให้ข้อสังเกตเท่าไหร่ เพราะรูปแบบลงทุนของโครงการ แต่ละประเทศก็เพิ่งส่งตัวแทนเข้ามาร่วม Market Sounding ในครั้งนี้
สำหรับ Business Model เบื้องต้น สนข.จะเปิดให้มีการประมูลแบบเอกชนร่วมลงทุน (PPP) โดยให้ทางเอกชนร่วมกลุ่มกันมาเป็นกิจการค้าร่วม (Consortium) กลุ่มเดียวเข้ามาบริหารจัดการโครงการ โดยองค์ประกอบของเอกชนที่จะมาร่วมอาจจะมีทั้งผู้ที่ชำนาญการในการบริหารท่าเรือ ผู้ชำนาญด้านการเดินรือ และธุรกิจต่างๆร่วมกัน ร่วมกันบริหารท่าเรือทั้ง 2 ท่า ทางรถไฟและมอเตอร์เวย์ที่จะเชื่อมต่อการเดินทางในพื้นที่ ให้เกิดการบูรณาการร่วมกัน ระยะเวลาสัมปทาน 50 ปี และจะเปิดประกาศประกวดราคาแบบนานาชาติ (International Bidding) ด้วย
สิ่งที่กำหนดไว้เดิมเป็นผลการศึกษาของ สนข.ที่มีมาแต่เดิม แต่บางทีนักลงทุนอาจจะมีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านที่จะนำเสนอได้ บางคนมีตู้สินค้าในมือมาก อาจจะทำเยอะกว่าผลการศึกษาก็ได้ ซึ่งการ Market Sounding ครั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้เอกชนที่มาออกความเห็นทั้งหมดอย่างเสรี
ส่วนความคืบหน้าการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม EHIA อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ของที่ปรึกษา เพื่อสำรวจเชิงลึก ซึ่งปัจจุบันยังติดปัญหาเรื่องสิทธิของประชาชนในพื้นที่ โดยกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างสำรวจเพื่อตรวจสอบสิทธิ์ จัดทำบัตรประชาชนให้ประชาชนในพื้นที่ทั้งหมด และการเสียที่ดินทำกิน ซึ่งก็อยู่ระหว่างสำรวจเช่นกัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพร้อมฟังความเห็นที่ต่างไปของประชาชน
ส่วนการวางแนวท่อขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและก๊าซธรรมชาติ เพื่อสนับสนุนการขนส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทางท่อในพื้นที่ของโครงการ ผู้อำนวยการ สนข.กล่าวว่า ในโครงการมีได้เตรียมพื้นที่ไว้ เพราะเมื่อโรงงาน ท่าเรือ ก็ต้องเติมน้ำมันให้เรือ ก็เท่านั้น
ทั้งนี้ ช่วงปลายปี 2567 น่าจะทำรายงาน EHIA เสร็จ จะเสนอไปที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 โดยคาดว่าจะเสร็จพร้อมๆกับการจัดตั้ง SEC ช่วงปลายปี 2568
สำหรับรายละเอียดรูปแบบการลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ จะให้สิทธิผู้สนใจลงทุนมีสิทธิประมูลโครงการเป็น Single Package ในระยะเวลา 50 ปี ได้แก่ ท่าเรือ 2 แห่ง (ท่าเรือชุมพรและท่าเรือระนอง) โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมต่อ ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและทางรถไฟ รวมทั้งพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม แต่สามารถร่วมกันลงทุนได้ในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) หรือการร่วมกันในลักษณะกลุ่มบริษัท (Consortium)
รูปแบบการลงทุนจะเป็นรูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบในการให้สิทธิประโยชน์แก่ภาคเอกชน พร้อมทั้งจัดหาพื้นที่และการเวนคืนให้สำหรับโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ จากการประเมินมูลค่าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเบื้องต้นที่ผู้ลงทุนต้องใช้ในการพัฒนาโครงการ มีมูลค่าลงทุนประมาณ 1.001 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็น ท่าเรือฝั่งระนอง ประมาณ 330,810 ล้านบาท ท่าเรือฝั่งชุมพร ประมาณ 305,666 ล้านบาท และโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อ ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและทางรถไฟ รวมประมาณ 358,517 ล้านบาท (เป็นราคาประเมิน ณ ปี พ.ศ. 2566 โดยไม่ได้รวมเงินเฟ้อ) ซึ่งจากการประเมินอัตราผลตอบแทนภายในทางการเงิน (FIRR) ที่ผู้ลงทุนจะได้รับจากโครงการในเบื้องต้น เท่ากับ 8.62% (กรณียังไม่มีการกู้ยืม) โดยมีระยะเวลาคืนทุนปีที่ 24 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า โครงการมีความคุ้มค่ากับการลงทุน