“สุรพงษ์” สั่ง รฟท. เร่งเครื่องปั้นรายได้เพิ่มทุกมิติ ลุยหารถจักร 113 คัน รถจักรอีวี 17 คัน รถดีเซลราง 184 คัน

“สุรพงษ์" สั่ง รฟท. เร่งเครื่องปั้น รายได้ เพิ่มทุกมิติ ลุยหารถจักร 113 คัน รถจักรอีวี 17 คัน รถดีเซลราง 184 คัน

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยเปิดเผยว่า ครั้งนี้เป็นการติดตามติดตามความก้าวหน้าการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ในทุกมิติของการรถไฟฯ โดยได้มอบนโยบายเพิ่มเติมในเรื่องของการสร้างรายได้เพิ่ม แก้ปัญหาการขาดทุน ซึ่งหลังจากที่ได้มอบนโยบายในการตรวจเยี่ยมครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อต้องการให้การดำเนินนโยบาย Quick Win “คมนาคม ของประชาชน” เกิดความต่อเนื่อง มีความเชื่อมโยงระหว่างระบบขนส่งทางรางของการรถไฟฯ ซึ่งเป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ กับระบบขนส่งอื่นๆ ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการลดต้นทุนการขนส่ง พร้อมกับขยายขีดความสามารถการแข่งขันโลจิสติกส์ของไทยกับนานาประเทศได้

อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขณะนี้การรถไฟฯ ได้ดำเนินการก้าวหน้าตามลำดับ โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่และรถไฟสายใหม่ ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้แล้วหลายเส้นทาง ได้แก่ โครงการช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย โครงการช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ขณะที่เส้นทางรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม – ชุมพร ก็สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนเช่นกัน เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยเป็นการเปิดให้บริการระหว่างสถานีบ้านคูบัว จ.ราชบุรี ถึงสถานีสะพลี จ.ชุมพร รวมระยะทาง 348 กิโลเมตร

การเปิดใช้ทางคู่เพิ่มระหว่างสถานีโพรงมะเดื่อ-บ้านคูบัว ระยะทาง 50 กิโลเมตร และสถานีสะพลี – ด้านเหนือสถานีชุมพร ระยะทาง 12.80 กิโลเมตร ซึ่งตามแผนจะเปิดใช้ทางคู่ตลอดเส้นทาง ช่วงนครปฐม – ชุมพร รวมระยะทาง420 กิโลเมตร ประมาณช่วงเดือนสิงหาคม 2567 และ ในปลายปี 2567 จะเปิดให้บริการรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ช่วงบันไดม้า-คลองขนานจิตร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระยะทาง 29.70 กม. ที่การก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จ เพื่อช่วยลดระยะเวลาเดินทางแก่ประชาชน

สำหรับการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ถึงสถานีปลายทางนครราชสีมา ระยะทาง 250.77 กิโลเมตร ขณะนี้มีความก้าวหน้าภาพรวมที่ร้อยละ 33.52

นอกจากนี้ ยังมอบนโยบายให้การรถไฟฯ เร่งรัดแผนการจัดหารถจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการขนส่งแก่พี่น้องประชาชน ประกอบด้วย แผนการจัดหารถจักรจำนวน 113 คัน รถจักรพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ระบบ EV on Train จำนวน 17 คัน และรถดีเซลราง 184 คัน เพื่อนำมาทดแทนรถเดิมที่มีอายุการใช้งานมานาน

พร้อมทั้งได้มอบหมายให้การรถไฟฯ เร่งจัดทำแผนท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมศักยภาพ การเดินทางและการท่องเที่ยวภายในประเทศตามนโยบายของรัฐบาล โดยล่าสุด การรถไฟฯ มีแผนเตรียมเปิดให้บริการเดินรถเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ SRT Royal Blossom ซึ่งเป็นรถที่การรถไฟฯ ได้รับมอบจากบริษัท Hokkaido Railway Company (JR Hokkaido) ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 10 คัน นำมาปรับปรุงเป็นรถไฟท่องเที่ยว โดยปัจจุบันปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์แล้ว 5 คัน และพร้อมเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวช่วงเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจของชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพให้ท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน

ขณะที่การให้บริการประชาชน ได้สั่งการให้การรถไฟฯ นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชนเพิ่มขึ้น โดยหลังจากการรถไฟฯ ขยายเวลาเปิดให้บริการจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าสูงสุด 90 วัน ในขบวนรถด่วนพิเศษและขบวนรถด่วนจำนวน 32 ขบวนไปแล้ว ล่าสุด ได้เตรียมเปิดให้บริการจองตั๋วล่วงหน้าเพิ่มในขบวนรถเร็ว รถนำเที่ยว และรถพิเศษโดยสาร อีก 26 ขบวนรถ รวมทั้งสิ้น 58 ขบวน ซึ่งจะครอบคลุมการให้บริการจองตั๋วล่วงหน้าครบทุกขบวนที่มีการเปิดให้สำรองที่นั่ง โดยถือเป็นการอำนวยความสะดวก ตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนให้มีโอกาสวางแผนในการเดินทางล่วงหน้าได้นานขึ้น

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles