นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยเปิดเผยว่า ครั้งนี้เป็นการติดตามติดตามความก้าวหน้าการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ในทุกมิติของการรถไฟฯ โดยได้มอบนโยบายเพิ่มเติมในเรื่องของการสร้างรายได้เพิ่ม แก้ปัญหาการขาดทุน ซึ่งหลังจากที่ได้มอบนโยบายในการตรวจเยี่ยมครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อต้องการให้การดำเนินนโยบาย Quick Win “คมนาคม ของประชาชน” เกิดความต่อเนื่อง มีความเชื่อมโยงระหว่างระบบขนส่งทางรางของการรถไฟฯ ซึ่งเป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ กับระบบขนส่งอื่นๆ ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการลดต้นทุนการขนส่ง พร้อมกับขยายขีดความสามารถการแข่งขันโลจิสติกส์ของไทยกับนานาประเทศได้
อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขณะนี้การรถไฟฯ ได้ดำเนินการก้าวหน้าตามลำดับ โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่และรถไฟสายใหม่ ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้แล้วหลายเส้นทาง ได้แก่ โครงการช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย โครงการช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ขณะที่เส้นทางรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม – ชุมพร ก็สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนเช่นกัน เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยเป็นการเปิดให้บริการระหว่างสถานีบ้านคูบัว จ.ราชบุรี ถึงสถานีสะพลี จ.ชุมพร รวมระยะทาง 348 กิโลเมตร
การเปิดใช้ทางคู่เพิ่มระหว่างสถานีโพรงมะเดื่อ-บ้านคูบัว ระยะทาง 50 กิโลเมตร และสถานีสะพลี – ด้านเหนือสถานีชุมพร ระยะทาง 12.80 กิโลเมตร ซึ่งตามแผนจะเปิดใช้ทางคู่ตลอดเส้นทาง ช่วงนครปฐม – ชุมพร รวมระยะทาง420 กิโลเมตร ประมาณช่วงเดือนสิงหาคม 2567 และ ในปลายปี 2567 จะเปิดให้บริการรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ช่วงบันไดม้า-คลองขนานจิตร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระยะทาง 29.70 กม. ที่การก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จ เพื่อช่วยลดระยะเวลาเดินทางแก่ประชาชน
สำหรับการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ถึงสถานีปลายทางนครราชสีมา ระยะทาง 250.77 กิโลเมตร ขณะนี้มีความก้าวหน้าภาพรวมที่ร้อยละ 33.52
นอกจากนี้ ยังมอบนโยบายให้การรถไฟฯ เร่งรัดแผนการจัดหารถจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการขนส่งแก่พี่น้องประชาชน ประกอบด้วย แผนการจัดหารถจักรจำนวน 113 คัน รถจักรพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ระบบ EV on Train จำนวน 17 คัน และรถดีเซลราง 184 คัน เพื่อนำมาทดแทนรถเดิมที่มีอายุการใช้งานมานาน
พร้อมทั้งได้มอบหมายให้การรถไฟฯ เร่งจัดทำแผนท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมศักยภาพ การเดินทางและการท่องเที่ยวภายในประเทศตามนโยบายของรัฐบาล โดยล่าสุด การรถไฟฯ มีแผนเตรียมเปิดให้บริการเดินรถเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ SRT Royal Blossom ซึ่งเป็นรถที่การรถไฟฯ ได้รับมอบจากบริษัท Hokkaido Railway Company (JR Hokkaido) ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 10 คัน นำมาปรับปรุงเป็นรถไฟท่องเที่ยว โดยปัจจุบันปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์แล้ว 5 คัน และพร้อมเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวช่วงเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจของชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพให้ท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน
ขณะที่การให้บริการประชาชน ได้สั่งการให้การรถไฟฯ นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชนเพิ่มขึ้น โดยหลังจากการรถไฟฯ ขยายเวลาเปิดให้บริการจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าสูงสุด 90 วัน ในขบวนรถด่วนพิเศษและขบวนรถด่วนจำนวน 32 ขบวนไปแล้ว ล่าสุด ได้เตรียมเปิดให้บริการจองตั๋วล่วงหน้าเพิ่มในขบวนรถเร็ว รถนำเที่ยว และรถพิเศษโดยสาร อีก 26 ขบวนรถ รวมทั้งสิ้น 58 ขบวน ซึ่งจะครอบคลุมการให้บริการจองตั๋วล่วงหน้าครบทุกขบวนที่มีการเปิดให้สำรองที่นั่ง โดยถือเป็นการอำนวยความสะดวก ตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนให้มีโอกาสวางแผนในการเดินทางล่วงหน้าได้นานขึ้น