เอสเอไอซี มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น บริษัทแม่ เอ็มจี โชว์ศักยภาพมุ่งสู่อุตสาหกรรมยานยนต์โลก

บริษัท เซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ อินดัสตรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด พร้อมด้วย บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ร่วมสนับสนุนภาครัฐยกระดับเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยเปิดอาณาจักร SAIC Motor Corporation ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 1 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นหนึ่งในบริษัทที่ติดอันดับ Fortune Global 500 ให้การต้อนรับ นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (คนที่ 6 จากขวา) พร้อมด้วยคณะ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าเยี่ยมชมโรงงาน  พร้อมทั้งปรึกษาหารือเกี่ยวกับการพัฒนา และการลงทุนด้านการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ รวมไปถึงยานยนต์อัจฉริยะ เพื่อเป้าหมายเดียวกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปกับผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวล้ำทัดเทียมระดับโลก

นาย Zu Sijie – Vice President and Chief Engineer of SAIC Motor, President and Director of the Technical Center of SAIC Motor R&D Innovation Headquarters (คนที่ 5 จากขวา) กล่าวว่าปัจจุบันสาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นศูนย์กลางที่ครอบคลุมทั้งการวิจัย พัฒนาการผลิต และจำหน่ายทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชั้นนำของโลก การเดินทางมาเยี่ยมชม SAIC Motor Corporation ของภาครัฐในครั้งนี้ บ่งบอกได้ถึงศักยภาพในการร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ภูมิภาคอาเซียนสู่ระดับโลก อีกทั้งSAIC Motor Corporation รับบทบาทการเป็นผู้พัฒนา ผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ยานยนต์อัจฉริยะ และยานยนต์สำหรับผู้สูงอายุ ไปจนถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง(ADAS) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของโครงการ “Capacity Building for Auto Parts Suppliers with Sustainable Development toward Transportation and Smart Mobility: ADAS system, new energy vehicle, rail system, aircraft parts, electronic parts, vehicles for aging people” ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประเทศไทย     

สำหรับ SAIC Motor Corporation เป็นบริษัทยานยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีน มียอดการผลิตรถยนต์สูงกว่า 5.45 ล้านคันต่อปี ติดอันดับที่ 84 ใน Fortune Global 500 ในปี พ.. 2566 นอกจากการเป็นผู้นำในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ของจีนแล้ว ยังติดอันดับ 1 ใน 10 บริษัทยานยนต์ชั้นนำของโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในฐานะผู้ผลิตชั้นนำที่มีความโดดเด่นเรื่องการวิจัยและพัฒนาวิศวกรรมยานยนต์ ที่มีนวัตกรรมการผลิตและเทคโนโลยีก้าวล้ำระดับโลก

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและคณะได้เข้าเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของ SAIC Motor Corporation อีกทั้งยังได้พบปะพูดคุยกับ นาย Zu Sijie – Vice President and Chief Engineer of SAIC Motor, President and Director of the Technical Center of SAIC Motor R&D Innovation Headquarters (คนที่ 5 จากขวา) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงจากหลากหลายภาคส่วน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เจาะลึกถึงทิศทาง แนวโน้ม โอกาสและความเป็นไปได้ในอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะการเติบโตของยานยนต์พลังงานใหม่และยานยนต์อัจฉริยะ ทั้งยังได้เข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นการร่วมทุนของ SAIC MotorCorporation กับบริษัท Contemporary Amperex Technology (CATL) ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก

โดยได้เข้าชมกระบวนการผลิตเซลล์แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ต่อเนื่องด้วยการเข้าชมโรงผลิตแบตเตอรี่รุ่นใหม่แบบ Solid-state ที่ตั้งอยู่ ณ เมืองKunshan ในมณฑล Jiangsu ซึ่งจะยกระดับขีดความสามารถของยานยนต์ไฟฟ้าให้มีอานุภาพการวิ่งไกลกว่าเดิมหลายเท่า พร้อมสัมผัสกับยนตรกรรมแห่งอนาคตกับรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมอย่าง IM L6 ที่ใช้แบตเตอรี่ Semi Solid-State ขนาด 133 kWh ทำให้สามารถวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 1,000 กม. ตามมาตรฐาน CLTC รวมถึงยนตรกรรมไฟฟ้าไร้คนขับ ทั้งในรูปแบบของรถส่วนบุคคลและรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ รวมถึงศึกษาระบบสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่อัจฉริยะ (Swap Battery System) ซึ่งทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถกลับมาใช้งานต่อบนท้องถนนได้อย่างรวดเร็วหลังเปลี่ยนถ่ายแบตเตอรี่ชุดใหม่

นายสุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ซีพี จำกัด (คนที่ 2 จากซ้าย) กล่าวว่าการมาศึกษาดูงานของกระทรวงอุตสาหกรรมในครั้งนี้ ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ล้ำยุคของ SAIC Motor Corporation ซึ่งถ่ายทอดสู่แบรนด์รถยนต์ เอ็มจี พิสูจน์ให้เห็นได้จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องและการได้รับการยอมรับในวงกว้างตลอดระยะเวลากว่า หนึ่งทศวรรษที่เอ็มจี เข้ามาดำเนินธุรกิจและทำการตลาดในประเทศไทย โดย เอ็มจี ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัยหลายรายการมาบุกเบิกเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ตลาดรถยนต์ภายในประเทศไม่ว่าจะเป็น ระบบ inkaNet ระบบอัจฉริยะที่ใช้สื่อสารระหว่างรถยนต์เอ็มจีกับผู้ขับขี่ โดยเชื่อมต่อกันผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย พัฒนาสู่ i-SMART ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะที่สามารถสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยครั้งแรกของโลก และยังเป็นแบรนด์แรกๆ ที่นำระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 2 (Autonomous Level 2) เข้ามาใช้ในยนตรกรรมอย่าง MG HS

รวมถึงการสะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังในการดำเนินธุรกิจในไทย ด้วยการลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท ในการสร้างโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์แบรนด์ เอ็มจี และโรงงานแบตเตอรี่อีวี ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 2 (WHA ESIE 2) จังหวัดชลบุรี ที่ได้นำนวัตกรรมขั้นสูงมาใช้ในกระบวนการผลิต โดยมีกำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี สามารถผลิตและประกอบรถยนต์ได้ครบทุกรูปแบบการขับเคลื่อนในไลน์การผลิตเดียวกัน ทั้งยังสามารถประกอบแบตเตอรี่แบบ Cell-To-Pack ได้สูงสุดมากกว่า 50,000 แพ็คต่อปี ซึ่งทั้งหมดนี้ เอ็มจี มีเป้าหมายในการพัฒนาฐานการผลิตยานยนต์อนาคตเพื่อร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เทียบชั้นอุตสาหกรรมยานยนต์โลกนายสุโรจน์กล่าว

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles