นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เช้านี้ เงินบาท เปิดตลาดที่ระดับ 36.48 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ ระดับ 36.69 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทเปิดแข็งค่าเทียบท้ายตลาด หลังจากที่เมื่อคืนนี้ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด ส่งผลให้เช้านี้ดอลลาร์อ่อนค่า เงินบาทและสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาคแข็งค่า ประกอบกับราคาทองคำเด้งขึ้นแรง จึงอาจมี Flow ฝั่ง ทองคำได้
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 36.40 – 36.65 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยที่ต้องติดตาม วันนี้ คือ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ด้านนักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.56-36.73 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องราว +20 ดอลลาร์ จากรายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP สหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม ที่ลดลงต่อเนื่องและออกมาแย่กว่าคาด
ประกอบกับ ดัชนีย่อยการจ้างงาน (Employment) ในภาคการบริการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ เดือนพฤษภาคม ก็ยังอยู่ในระดับ 47.1 จุด สะท้อนถึงภาวะการจ้างงานที่หดตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งภาพดังกล่าวทำให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่า เฟดมีโอกาสถึง 94% ที่จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ (จาก CME FedWatch Tool) อย่างไรก็ดี เงินบาทก็ไม่ได้แข็งค่าลงมาก เนื่องจากเงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ที่พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.8 จุด ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้พอสมควร
แนวโน้มค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ใกล้ระดับ 36.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอยู่แถวโซนเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม ECB โดยประเมินว่า ภาพตลาดการเงินที่เปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น อาจช่วยชะลอแรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติได้บ้าง ทำให้แรงกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าอาจลดลงบ้าง เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี เงินบาทก็อาจยังไม่สามารถแข็งค่าไปได้มากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในจังหวะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง โดยเฉพาะในช่วงโซน 36.40-36.50 บาทต่อดอลลาร์ อีกทั้งต้องระวังความผันผวนจากข่าวการเมืองในประเทศ (ซึ่งรวมถึงข่าวที่สะท้อนถึงความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทยในการดำเนินนโยบายการเงิน) ดังจะเห็นได้จากวันก่อนหน้าที่เงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว จากข่าวที่ระบุว่ารัฐบาลอาจต้องการควบคุมการทำงานของธปท. มากขึ้น ทั้งนี้ เรามองว่า ประเด็นดังกล่าวรวมถึงความวุ่นวายของการเมืองไทยจะเป็นเพียงแค่ Noise ในระยะสั้น ที่อาจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ แต่เราจะคอยจับตาความเสี่ยงการเมืองในประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง